สืบนครบาล 6 ร่วมสืบราชวัง ตามรวบหนุ่มญี่ปุ่น วิ่งราวทองแท่ง 65 บาท มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ห้างดังกลางกรุง พบประวัติเอี่ยวแก๊งยากูซ่า

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 8 มี.ค.2565 พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.เกียรติกุล สนธิเณร รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.กก.สส.บก.น.6 พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.สน.พระราชวัง พ.ต.ท.เสกสรรค์ ชุ่มแจ่ม รอง ผกก.สส.สนพระราชวัง พ.ต.ท.นิรุติ พุทธิมา สว.(สอบสวน).สน.พระราชวัง

ร่วมกันจับกุมนายยามาชิตะ โซริ อายุ 32 ปี สัญชาติญี่ปุ่น พร้อมของกลาง ทองคำแท่งน้ำหนัก 65 บาท มูลค่าประมาณ 2,000,000 บาท และเสื้อผ้าที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยจับกุมได้ เมื่อเวลาประมาณ 00.45 น. ที่ผ่านมา ที่ทางเท้าถนนศิริพงษ์ แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กทม.

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 มี.ค. เวลาประมาณ 13.51 น. ผู้เสียหาย พร้อมด้วย ล่ามชาวไทย อายุ 29 ปี ได้นัดติดต่อกับนายยามาชิตะ โซริ ผู้ต้องหา เพื่อซื้อขายทองคำแท่งน้ำหนัก 65 บาท มูลค่าประมาณ 2,000,000 บาท ประกอบด้วย ทองคำแท่งน้ำหนัก 20 บาท 2 แท่ง น้ำหนัก 10 บาท 2 แท่ง น้ำหนักหนัก 5 บาท 1 แท่ง โดยนัดพบที่ร้านเพชรภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม.

เพื่อว่าจ้างให้ร้านเพชรดังกล่าวตรวจสอบและออกใบรับรองทองคำให้ตามเอกสารใบรับรองทองคำ ออกโดยทางร้านจำนวน 3 ใบ ลงวันที่ 7/3/2565 เวลา 13.31, 13.37, 13.43 น. เมื่อตรวจสอบทองคำเสร็จเรียบร้อยแล้วนายยามาชิตะ โซริได้หยิบเอาทองคำทั้งหมด พร้อมกับใบรับรองทองคำจำนวน 3 ใบ วิ่งหนีออกจากห้างไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.พระราชวัง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น. 6 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 จึงได้สืบสวนติดตามคนร้ายมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 8 มี.ค.65 เวลาประมาณ 00.45 น. จึงได้พบผู้ต้องหาเดินอยู่ที่ทางเท้า ถนนศิริพงษ์ แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ มีตำหนิรูปพรรณตรงตามที่ผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามชื่อและขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง

จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางเป็นบุคคลเดียวกับผู้ต้องหาจริง และมีตำหนิรูปพรรณตรงตามที่ผู้เสียหายได้แจ้งไว้ จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหามาที่ห้องสืบสวน สน.พระราชวัง และทำการตรวจค้นตัวก่อนพบ เอกสารใบรับรองทองคำ อยู่ในกระเป๋าสะพายข้างสีดำใบที่ผู้ต้องหาคาดตัวอยู่ จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง จากนั้นพาไปตรวจค้นที่ห้องพักย่านสุขุมวิทก่อนพบของกลางทองคำทั้งหมด

จากการสอบสวนแล้วผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้เอาทองคำดังกล่าวมาอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหาจริง โดยอ้างว่าทางผู้เสียหายคนไทยได้ทำธุรกิจร่วมกับตนเอง ซึ่งทำธุรกิจค้าขายทองนำทองจากลาวมาแปรรูปและขายในประเทศไทย แต่จากการตรวจสอบเชื่อได้ว่าผู้ต้องหาน่าจะทำเป็นขบวนการและอาจเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับแก๊งยากูซ่าที่ประเทศญี่ปุ่น เดินทางเข้าออกประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 3 ปี

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่า “วิ่งราวทรัพย์หรือรับของโจร” โดยมีเจ้าหน้าที่เป็นล่าม อ่านให้ผู้ต้องหาฟัง ผู้ต้องหาทราบและเข้าใจข้อกล่าวหาดีโดยตลอดแล้วให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางนำส่งสน.พระราชวัง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน