เจ้าอาวาส-ไวยาวัจกร วัดดัง นครศรีฯ เตือน “พระย้อย” หยุดพฤติกรรม หากไม่มีหลักฐานชัดเจน-แฉประวัติไม่ธรรมดา ชาวบ้านเตือนกลับด่าแหลก ก่อนเก็บผ้าหนีหายจากวัดเก่า

จากกรณีคลิปเสียงและข้อความอ้างการสนทนาระหว่างหญิงสาวพูดแทนตัวเองว่า “ตอง” และเสียงชายอ้างว่าเป็นพระนักเทศน์ชื่อดัง แอบมีสัมพันธ์กับหญิงสาวในรถยนต์ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กัน ขณะที่ พระกาโตะ พระนักเทศน์ชื่อดังที่ถูกกล่าวหาได้ออกมาปฏิเสธ ต่อมาหญิงสาวออกมายอมรับว่าเป็นคนกุเรื่องขึ้นมา เพราะอาการป่วยเป็นไบโพลาร์ ส่วนพระธนวัฒน์ หรือพระย้อย พระลูกวัดผู้ที่ปล่อยคลิปเสียง หลวงพี่กาโตะ ถูกเจ้าอาวาสสั่งให้กลับต้นสังกัด แต่ยังได้ความเมตตาให้จำวัดต่อ

วัดดัง

ล่าสุดเรื่องนี้ วันที่ 30 เม.ย.2565 ที่วัดราษฎร์บำรุง ต.สวนขันธ์ อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช พระครูสัจจะประชานุกูล เจ้าอาวาส ได้เรียกร้องให้ “พระย้อย” ยุติพฤติกรรมโดยที่ไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงเพียงพอ พร้อมทั้งเล่าถึงปูมหลังของ “พระย้อย” ขณะที่จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ว่า

“พระย้อย” เข้ามาขอพำนักวัดนี้เมื่อปี 2563 จึงอนุญาตให้อยู่ และอ้างว่าจะหาเจ้าภาพมาทอดกฐิน แต่พฤติกรรมที่อยู่นั้นกลับมีสีกาเข้ามาพัวพัน และนำเงินกฐินไป 6 หมื่นบาทเป็นค่าจ้างนักแสดงที่มาในงาน ทางวัดก็ได้ให้ไป พฤติการณ์ที่เขาทำไม่เหมาะ ไม่สวย ไม่สมควร ไวยาวัจกรวัดเคยตักเตือนแล้วแสเดงออกความไม่พอใจหลายเรื่อง อาตมาขอให้พระย้อยยุติอย่าใส่ร้ายผู้อื่น สิ่งที่ไม่ดีไม่งามก็ให้หยุดเสีย

หลวงตา

ด้านนายชัยสิทธิ์ ผุดผาด ไวยาวัจกรวัดราษฎร์บำรุง ระบุว่า เมื่อปี 2563 เขามาจำวัดที่นี่ ท่านได้มีสีกาซึ่งขอไม่เอ่ยชื่อ โดยผู้หญิงคนนั้นจะมารับเกือบทุกวันแล้วกลับมาส่งยามวิกาล ดึกดื่น ตนได้ทำหน้าที่คือว่ากล่าวตักเตือนว่าชาวบ้านเขาจับตามองและไม่เหมาะสมกับสมณเพศ เมื่อเตือนไป พระย้อย โกรธด่าทอตนในโซเชี่ยล หลังจากนั้นตนเห็นว่าพูดคุยไม่ได้จึงไม่สนใจ ต่อมา พระย้อยหนีหายไปจากวัดจนกระทั่งมาพบเป็นข่าวอีกครั้ง

“ส่วนตัวผม ป็นครูพอวิเคราะห์ได้ว่า การทำให้ผู้อื่นเสียหาย อยากขอร้องให้เห็นแก่พระสงฆ์ อย่างน้อยที่สุดเมื่อความจริงปรากฏ การทำไปอย่างนี้มันกระทบกระเทือนไปหมด จากที่เคยมาอยู่ที่นี่เป็นตัวชี้วัดได้ว่าพฤติกรรมอย่างนั้นจริงๆ ในการกลั่นแกล้งผู้อื่น จึงอยากขอร้องให้หยุดเสีย”

เคือน

ด้านพระสมคิด ปิยวรรโณ พระลูกวัดราษฎร์บำรุง ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในฐานะที่อยู่กุฏิติดกันว่า ผู้หญิงที่เข้ามาพัวพันกับ “พระย้อย” นั้นไม่ทราบว่าเป็นญาติฝ่ายไหนหรือไม่ แต่อ้างว่าเป็นสีกา บ้างก็ว่าเป็นครูผู้หญิงคนนั้นมารับมาส่งตอนดึกๆ เห็นเพราะอยู่กุฏิตรงข้ามเห็นประจำ ในทางสงฆ์นี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมไม่สมควรอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตามชาวบ้านย่านละแวกวัดยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมภายหลังว่า ขอให้คณะสงฆ์และผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบให้รอบด้านทั้ง “หลวงพี่กาโตะ” ที่ถูกกล่าวหา รวมทั้ง “พระย้อย” ที่มีพฤติกรรมเป็นประจักษ์ชาวบ้านย่านนี้รู้ดี ก่อนหน้าที่จะมาจำวัดที่นี่เคยจำวัดโคกหาดมา ก่อนมีปัญหาในทำนองสีกาและปัญหาพฤติกรรมส่วนตัวจนเก็บผ้าออกจากวัด ก่อนมาเกิดปัญหาที่วัดราษฎร์บำรุง และหนีไปโดยไม่แจ้งเจ้าอาวาส แล้วไปอยู่ที่วัดหน้าพระลานจนมีประเด็นเกิดขึ้น

กาโตะ

ส่วนวัดเพ็ญญาติ ต.กะเปียด อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ไม่มี “หลวงพี่กาโตะ” จำวัดอยู่ภายในวัด โดยมีรายงานว่าได้เดินทางออกไปจากวัดตั้งแต่วานนี้ วันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา ไปจำวัดแห่งหนึ่งนอกอำเภอฉวาง และได้เปิดเผยเป็นคลิปสุดท้ายว่า

” ขอยุติความวุ่นวายที่เกิดขึ้น และขอหยุดให้ข้อมูลแก่สื่อต่างๆ และพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนโดยคณะกรรมการที่ตั้งขึ้น และพร้อมที่จะรับผลการพิจารณาของคณะกรรมการทุกประเด็น ”

ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบสวน อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยพระครูสิริธรรมาภิรัต (ธรรมรัต อริยธมฺโม) เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (ธรรมยุต) ได้สั่งการให้เจ้าคณะอำเภอฉวางดำเนินการสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน