ภปค.หนุนเอาผิด “ผับ-บาร์” นอกรีด ขายเหล้าให้เด็ก มียาเสพติด ต้องถูกปิด 5 ปี ย้ำเข้าใจความเดือดร้อนผู้ประกอบการช่วงโควิด แต่ไม่ใช่เหตุผลฉวยโอกาสทำผิด กม. ค้านข้อเสนอเพิ่มเวลาขายเหล้า 14.00-17.00 น.

จากกรณีชุดตรวจบุกตลาดค่ายเชลยศึก กาญจนบุรี เอาผิดผู้จัดการร้านและบริษัทหลายข้อหา เนื่องจากขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ตรวจพบ 46 คน อายุต่ำกว่าสุด 14 ปี ให้การว่ามาเที่ยวประจำ ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ปกติ ไม่สอบถามอายุ รวมถึงจัดโปรโมชั่นลดราคา และจำหน่ายสุราโดยไม่มีใบอนุญาต

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานภาคีเครือข่ายป้องกันและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ภปค.) กล่าวว่า เข้าใจถึงความลำบากของกิจการในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ แต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะอนุญาตให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสทำผิดกฎหมาย การขายเหล้าให้เด็กเป็นความผิดร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพผู้ดื่มและสังคม

ทั้งนี้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 22/2558 เรื่องการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง คือ การรักษาสมดุลระหว่างการใช้สิทธิตามปกติของผู้ขาย ผู้ดื่ม และสวัสดิภาพหรือความปลอดภัยของสังคมโดยรวม

ดังนั้น นักการเมืองหรือประชาชนบางกลุ่มที่พยายามจะลดทอนประสิทธิภาพในเนื้อหาของของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขอให้คำนึงถึงปัญหาเหล่านี้ ไม่ใช่พูดเพื่อให้ได้รับความนิยมจากบรรดานักดื่มเท่านั้น

“คำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 ระบุกรณีทำผิดกฎหมายร้ายแรง เช่น ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์เข้าไปใช้บริการ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้มีอายุต่ำ 20 ปี เปิดบริการหรือขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด และยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด หรือยาเสพติดเข้าไปในสถานที่

ร้านที่ฝ่าฝืน ผู้ว่าฯ ต้องดำเนินการสั่งปิด 5 ปี และถ้าร้านนั้นอยู่ใกล้สถานศึกษา (โซนนิ่ง) จะต้องปิดถาวร เพราะฉะนั้นสถานบริการที่ค้าขายถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีความจำเป็นต้องเกรงกลัวและไม่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งฉบับนี้ ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย และขอคัดค้านข้อเสนอให้เพิ่มเวลาขายเหล้าช่วง 14.00-17.00 น. เพราะจะยิ่งเพิ่มปัญหาบรรดาผู้ประกอบ ควรขายตามกติกาที่กฎหมายกำหนดไว้จะดีกว่า” นายธีรภัทร์ กล่าว

ด้าน นายชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า กรณีผู้ประกอบการขายเหล้าเบียร์ให้เด็ก ในร้านมียาเสพติด มีเด็กเข้าใช้บริการ มีข่าวให้เห็นอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งช่วงโควิดระบาดหนัก แสดงว่ายังมีผู้ประกอบการบางกลุ่มที่ฉวยโอกาสขาดความรับผิดชอบ หวังกอบโกยทั้งๆ ที่รู้ว่าผิดกฎหมาย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้มาตรการขั้นสูงสุดกับกลุ่มนอกรีตเหล่านี้ และน่าเห็นใจผู้ประกอบการที่ตั้งใจทำตามกฎหมาย

จึงขอให้กำลังใจในการค้าขายบนความถูกต้อง ไม่หาประโยชน์กับเด็ก อย่างไรก็ตาม อยากเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวัง และแจ้งเหตุส่งข้อมูลการทำผิดกฎหมาย ไปยังศูนย์ดำรงธรรมในทุกจังหวัด เพื่อลดผลกระทบและปกป้องลูกหลานของเรา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน