‘เต้’สะอื้นกลางสภา ทิ้งบัตรส.ส. ลั่นถ้าผิดจริงพร้อมลาออก ไม่กลัวติดคุก-ถูกตัดสิทธิ์ 10 ปี ยันไม่ได้ข่มขู่ทนายเดชา แต่เป็นการตักเตือนกัน

เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 2 มิ.ย.65 ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พร้อมด้วยนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ และนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดัง ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบจริยธรรมว่า

สามารถมาร้องเรียนได้ และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความเข้ายื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) เพื่อขอให้สอบจริยธรรมร้ายแรง ตนไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็เป็นสิทธิ์ของท่านที่จะมาร้องเรียนได้ แต่ขอชี้แจงว่าเดิมทีตนมูฟออนคดีแตงโมไปแล้ว เพราะต้องดำเนินการร่างพ.ร.บ.สืบสวนสอบสวนคดีอาญา และร่างพ.ร.บ.เกี่ยวกับสำนักงานทนายรัฐ เพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมภาพรวมของไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสืบสวน การพิสูจน์หลักฐานและนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันร่างกฎหมายดังกล่าวตนได้ให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคฯ และฝ่ายกฎหมายสภาฯร่างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในสัปดาห์หน้าจะล่ารายชื่อส.ส. 20 คน เพื่อเสนอต่อประธานสภาฯบรรจุระเบียบวาระการประชุมต่อไป

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม มาขอความอนุเคราะห์พรรคฯ ให้มาช่วยดูแลคดีการเสียชีวิตของแตงโม เพราะแม่พูดกับตนตรงๆว่าลูกแม่เสียชีวิตเนื่องจากไม่ใช่อุบัติเหตุ ตนก็สนใจและติดตามเรื่องนี้ตั้งแต่แตงโมเสียชีวิต และดำเนินการมาหลายบทบาท อีกทั้งไม่สามารถละทิ้งได้คือหน้าที่ของพรรคการเมืองตามข้อบังคับพรรคมีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน พรรคต้องเข้าไปช่วยเหลือทุกสถานการณ์ เป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และตนดำเนินการตามนโยบายพรรค

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า คดีแตงโมเมื่อพรรครับผิดชอบแล้วต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด เราไม่สามารถทิ้งแม่ไปต่อสู้คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายได้ เมื่ออัยการส่งฟ้องไปตามสำนวนของตำรวจ ตนเชื่อว่าคนบนเรือได้สารภาพหมดแล้ว แต่เราได้ประชุมหารือร่วมกันว่ามีหลักฐาน แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพื่อยืนยันศาลโดยตรงว่าแตงโมถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต

“ทนายทุกคน ทั้งทนายเดชา และทนายษิทรา ผมรู้จักและสนิทหมด เราทำเต็มที่เพื่อผู้เสียหาย ไม่อยากใช้กฎหมายประหัตประหารกับฝ่ายตรงข้าม ถ้ายังไม่หยุดแสดงความเห็นเชิงข่มขู่แม่แตงโม ก็จำเป็นต้องพูดคุยกันตรงๆ เนื่องจากรู้จักกัน ส่วนใครจะเห็นว่าผิดก็สามารถยื่นร้องเรียนได้ แต่การที่ทนายเดชาจะกล่าวหาว่าผมเป็นอั้งยี่ซ่องโจร ขอปฏิเสธ เพราะไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ถ้าผมเลวร้ายขนาดนั้นประชาชนคงไม่เลือกผมเข้ามา” นายมงคลกิตติ์ กล่าว

ทั้งนี้นายมงคลกิตติ์ กล่าวด้วยอารมณ์พร้อมถอดบัตรประจำตัวส.ส.ออกว่า “หากผมไม่สามารถคุ้มครองแม่แตงโมได้ ก็ไม่มีหน้าจะเป็นส.ส. และคนอย่างผมหากคิดจะสู้ไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว และไม่กลัวจะตรวจสอบคุณสมบัติ ไม่กลัวติดคุก แม้จะถูกตัดสิทธิ์ 10 ปีก็ยอม หากช่วยให้กระบวนการยุติธรรมดีขึ้น ผมพร้อมจะแลก เพราะยังมีคนอื่นทำหน้าที่แทนตามอุดมการณ์ของพรรคไทยศิวิไลย์ หากผมผิดจริงไม่ต้องมาตัดสิน เพราะจะลาออกด้วยตนเอง ผมไม่ได้ข่มขู่ทนายเดชา แต่เป็นการตักเตือนกัน และขอให้ไปถามทนายเดชาว่าข่มขู่อะไรผมไว้บ้าง และยืนยันจำเป็นที่จะเป็น ส.ส.ต่อ เพื่อให้ความเดือดร้อนของประชาชนที่ผมดูแลอยู่ผ่านพ้นไปด้วยดี”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างนี้นายมงคลกิตติ์ มีน้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกับจะร้องไห้อยู่ตลอด








Advertisement

เมื่อถามว่า อยากฝากบอกอะไรกับทนายความเหล่านั้นบ้าง นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ตนขอฝากไปยังทนายความ 4 คนว่าให้ดูด้วยว่าตนกำลังทำอะไรอยู่และท่านทำอะไรอยู่ เพราะตนพยายามช่วยเหลือแม่แตงโมทุกทางที่ทำได้ แต่ทั้งทนายทั้ง 4 คนพยายามระงับกระบวนการยุติธรรม และส่วนตัวไม่โกรธที่จะไปร้องเรียน สามารถทำได้ แต่เสียใจเพราะจะทำให้เสียเวลาในการต่อสู้คดี ขอร้องอย่างวางประตูเรือใบ หากทำงานนี้เสร็จแล้วจะทำลาออกเอง

จากนั้นนายมงคลกิตติ์ ได้อ่านบทกลอนของศรีปราชญ์ฝากถึงทนายทั้ง4 คน ว่า “ธรณีนี่นี้เป็นพยาน เราก็ศิษย์มีอาจารย์หนึ่งบ้าง เราผิด 4-5 คนมาประหารเราชอบ เราบ่ผิดท่านมาล้างดาบนั้นคืนสนอง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน