ทวงคืนสำเร็จ “ครอบพระเศียรทองคำ” โบราณวัตถุล้านนา ด้าน บิ๊กตู่ สั่ง ขยายผล ทวงคืนอีกหลายชิ้น กลับมาเป็น มรดกวัฒนธรรมของชาติ
วันที่ 4 มิ.ย.2565 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชื่นชมและขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ได้ช่วยกันทุ่มเททำงานอย่างหนัก พร้อมกับกล่าวขอบคุณสหรัฐอเมริกาที่ให้ความร่วมมือ จนสามารถส่งมอบโบราณวัตถุล้ำค่า คือ “ครอบพระเศียรทองคำ” เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา กลับสู่ประเทศไทยได้เป็นที่เรียบร้อย
น.ส.รัชดา กล่าวต่อว่า สำหรับครอบพระเศียรทองคำนี้ เป็นเครื่องประดับพระเศียรพระพุทธรูปทำจากทองคำ 95% ประกอบด้วยส่วนครอบพระเศียรกว้าง-ยาว 14×17.6 เซนติเมตร หนัก 12.7 กรัม และส่วนพระรัศมีสูง 12.7 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 4 เซนติเมตร หนัก 29.9 กรัม ใช้เทคนิคดุนทองและตีทอง
น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่า เป็นโบราณวัตถุศิลปะล้านนา อายุราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 ขณะนี้กรมศิลปากรได้เก็บรักษาไว้ที่คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เพื่อการศึกษาและจะนำจัดแสดงในนิทรรศการต่อไป
น.ส.รัชดา กล่าวว่า เมื่อปี 2564 รัฐบาลสามารถติดตามโบราณวัตถุกลับไทยแล้ว ได้แก่ ทับหลังปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ และทับหลังปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว ที่ถูกขโมยไปนานเกือบ 60 ปี นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้าเกี่ยวกับประติมากรรมสำริด โบราณคดีประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งเดนเวอร์ ซึ่งมีแนวโน้มอาจได้กลับคืนประเทศไทยในลำดับถัดไป อย่างไรก็ตาม ไทยต้องให้ทางสำนักงานสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ สหรัฐอเมริกา ดำเนินการตามกฎหมายก่อน
น.ส.รัชดา กล่าวต่อว่า ปัจจุบันยังมีโบราณวัตถุของไทยที่ถูกนำออกนอกประเทศเป็นจำนวนมากทั้งที่จัดแสดงและเก็บรักษาภายในพิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศ อยู่ในความครอบครองของเอกชน หรือมูลนิธิเอกชน สถาบัน การศึกษา หรือซื้อขายผ่านสถาบันการประมูลโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ
น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้คณะทำงานขยายผลการทวงคืนไปยังประเทศอื่น ๆ ที่มีข้อมูล รวมถึงในยุโรป โดยประสานงานผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อติดตามโบราณวัตถุของไทยที่อยู่ในต่างประเทศให้กลับมาเป็นสมบัติและมรดกวัฒนธรรมของชาติ