อธิบดีคร.ชี้ป่วยโควิดรอบนี้เป็นเวฟเล็ก เหมือนหลายประเทศ ติดเชื้อจริงมากกว่ากี่เท่าไม่มีใครบอกได้ เน้นดูผู้ป่วยหนักในรพ.จะบอกสถานการณ์ได้

เมื่อวันที่ 5 ก.ค.65 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงการระบาดของโควิด 19 ที่กำลังเพิ่มขึ้นจะเป็นระลอกใหม่หรือไม่ ว่า เราคงไม่นับว่าเป็นระลอกใหม่แล้ว เพราะลักษณะการระบาดตอนนี้จะเป็นครั้งๆ แล้วแต่สายพันธุ์ที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.4/BA.5 ที่พบว่าติดเชื้อได้เร็วจริง แต่ความรุนแรงค่อนข้างน้อย

รวมถึงเราผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น สอดคล้องกับหลายประเทศทั่วโลกที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แต่จะมาติดตามในผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตว่าเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ระบบสาธารณสุขยังรับได้ ส่วนที่มีข่าวว่าเตียงล้นรพ. เท่าที่ตรวจสอบพบว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยอาการไม่มาก แต่หลายคนขออยู่รพ. เพราะมีเรื่องประกันสุขภาพ แต่จริงๆ คนป่วยหนัก เตียงไอซียูโควิดยังรองรับได้ และที่สำคัญคือเตียงโควิดที่เคยมีมากๆ ตอนนี้ปรับกลับไปให้ผู้ป่วยโรคทั่วไปแล้ว เตียงเลยไม่ได้เยอะมากเหมือนเดิม

“เราไม่ประมาทและติดตามสถานการณ์เสมอ แต่จะเห็นว่าปัญหาพบมากที่ กทม. ส่วนจังหวัดอื่นพบปัญหาน้อยมาก ขณะเดียวกันปลัด สธ.ก็ออกหนังสือไปยังหน่วยงานสาธารณสุขทั่วประเทศให้เตรียมความพร้อมรองรับ ให้สอดคล้องกันสถานการณ์ในพื้นที่” นพ.โอภาส กล่าว

เมื่อถามว่า การระบาดที่จะพบต่อเนื่องและเพิ่มสูงขึ้น ระบบสาธารณสุขให้ตรวจ RT-PCR บางกรณี และตรวจ ATK ตอนมีอาการ จะนิยามการระบาดเช่นนี้ว่าอะไร นพ.โอภาส กล่าวว่า เราจะเรียกว่า “เวฟเล็กๆ” ซึ่งจะมีลักษณะระบาดขึ้นลงตามวงรอบ ส่วนหนึ่งมาจากเชื้อกลายพันธุ์ด้วย ตนเชื่อว่าตอนนี้เชื้อกับคน กำลังหาจุดสมดุลกันอยู่

โดยเชื้อกลายพันธุ์อ่อนแรงลงเพื่อให้อยู่กับคนได้ ส่วนคนก็ฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อสร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติเยอะขึ้นแล้ว เชื่อว่าน่าจะถึงจุดสมดุลเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่สามารถระบุชัดเจนได้ว่าช่วงใด แต่ก็เป็นมาตรการหนึ่ง ที่ทำให้เราก้าวพ้นระยะการระบาด (Pandemic) ได้

เมื่อถามว่า มีคาดการณ์เรื่องตัวเลขติดเชื้อจริงน่าจะมากกว่า 5 หมื่นรายต่อวัน มีแผนรองรับอะไรเพิ่มเติมที่ต้องเสนอต่อ ศบค.หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า เรื่องการติดเชื้อไม่มีใครบอกได้ว่า ติดเชื้อมากถึงไหน อาจจะมากกว่าตัวเลขที่มี 2 เท่า 3 เท่า 5 เท่า หรือ 10 เท่า ไม่มีใครบอกได้ เพราะไม่ได้ตรวจ RT-PCR ในทุกคนที่สงสัยแล้ว จะตรวจเฉพาะผู้ที่ต้องเข้ารักษาใน รพ.

ส่วนคนทั่วไปก็ ATK ตอนมีอาการ หลายคนอาการน้อย เขาก็ไม่ได้ตรวจเชื้อแล้ว ฉะนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องหาว่าติดเชื้อกี่คน ทั่วโลกก็ทำเหมือนกัน ต่างประเทศก็ไม่ได้ตรวจอะไรแล้ว แต่เราสนใจผู้ป่วยนอน รพ. ใส่ท่อช่วยหายใจ ที่จะเป็นตัวเลขที่บอกสถานการณ์ได้ค่อนข้างดีและแม่นยำที่สุด

มาตรการสำคัญคือ เร่งฉีดวัคซีนกระตุ้น สวมหน้ากากในคนและเหตุการณ์เสี่ยง และเว้นระยะห่าง ส่วนมาตรการปิดกิจกรรมต่างๆ ต้องดูอีกทีว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน และมีผลกระทบอย่างไร แต่เบื้องต้นทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ว่าจะมีการระบาดขึ้น

“ตอนนี้ที่เห็นชัดคือ ประชาชนติดเชื้อมีความรู้ในการดูแลตัวเอง อยู่บ้านรักษาตามอาการ เป็นตัวยืนยันว่ามาตรการฉีดวัคซีนได้ผล เพราะถ้าไม่ได้รับวัคซีนจะต้องมีเหตุการณ์คนล้น รพ.เกิดขึ้นเหมือนเดลต้า อย่างไรก็ตาม จะประชุมกับ ศปก.ศบค.ในข้อมูลต่างๆ นำมาสู่การวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ก่อนที่จะนำเสนอในการประชุม ศบค.ในวันที่ 8 ก.ค.” นพ.โอภาส กล่าว

เมื่อถามถึงการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ จะหารือพิจารณาปรับลดโควิดจากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่นัดประชุมจากคณะกรรมการโรคติดต่อฯ ซึ่งอาจต้องรอการประชุมศบค.ชุดใหญ่ก่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน