‘กัน จอมพลัง’ พาผู้เสียหายกว่า 60 คน แจ้งความ ตร.ไซเบอร์ หลังถูก ฟาร์มเห็ด หลอกลงทุน สูญเงินกว่า 100 ล้านบาท เผย หมดตัว จนอยากก่อเหตุสลด

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 ส.ค.2565 ที่กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พากลุ่มผู้เสียหายกว่า 60 คน เข้าแจ้งความหลังจากถูกบริษัทแห่หนึ่ง หลอกลงทุนทำฟาร์มเกษตร ซึ่งโครงการดังกล่าว จะมีประเภทฟาร์มเกษตรให้เลือกลงทุนหลายประเภท เช่น ฟาร์มเห็ด ฟาร์มเลี้ยงผึ้ง ฟาร์มกัญชา และฟาร์มกระท่อม เป็นต้น โดยแต่ละประเภทของการลงทุนจะกำหนดวงเงินลงทุนไว้ ตั้งแต่ขั้นต่ำหลักหมื่น ไปจนถึงหลักแสนบาท ซึ่งแต่ละวงเงินลงทุน จะมีระยะเวลาปันผล และเงินปันผล แตกต่างกัน จนมีมูลค่าความเสียหายหลักร้อยล้านบาท

นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า ผู้เสียหายบางรายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวหาเงินมาลงทุน แต่กลับถูกโกงหมดตัวไม่มีเงินในการเลี้ยงดูลูก จนคิดจะฆ่าตัวตาย นอกจากนี้ หนึ่งในคณะกรรมการของฟาร์ม มีการกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสื่อมวลชนเป็นของตนเอง วันนี้ตนจึงพามาแจ้งความดำเนินคดีเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีใครเข้าข้างตามที่กล่าวอ้าง หากใครกลัวว่าจะไม่สามารถดำเนินคดีได้ ขอให้มาดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมแน่นอน

'กัน จอมพลัง' พาผู้เสียหายกว่า 60 คน แจ้งความ สอท. หลังถูก ฟาร์มเห็ด หลอกลงทุน สูญเงินกว่า 200 ล้านบาท

‘กัน จอมพลัง’ พาผู้เสียหายกว่า 60 คน แจ้งความ สอท. หลังถูก ฟาร์มเห็ด หลอกลงทุน สูญเงินกว่า 200 ล้านบาท

นายกัณฐัศว์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังพบว่าทางบริษัทเคยมีการหลอกให้ลงทุนมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทางบริษัทมีอาชีพคือมิจฉาชีพ ที่คอยหลอกลวงผู้คน หากยังไม่สามารถจับกุมได้ก็จะทำให้เกิดพฤติกรรมซ้ำซาก ที่ผ่านมาอาจจะมีผู้เสียหายที่ต้องจบชีวิตไปโดยที่ตนไม่ทราบ ซึ่งนอกจากตำรวจแล้ว ทางบริษัทยังกล่าวอ้างถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคม เป็นถึงนายพล และที่ปรึกษารัฐมนตรี ซึ่งมีชื่อเสียงหลายคนรู้จัก แต่ตนเชื่อว่าน่าจะถูกหลอกเช่นเดียวกัน

ด้าน น.ส.บี ผู้เสียหาย อายุ 27 ปี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนเคยเห็นเพจฟาร์มดังกล่าว ตั้งแต่ประมาณปี 62 มีการโฆษณาผ่านทางโซเชียลมีเดีย และดูน่าเชื่อถือ เพราะมีการถ่ายรูปฟาร์ม รวมถึงมีกลุ่มคนมีชื่อเสียงหลายคนเคยไปเยี่ยมชมที่ฟาร์ม แต่ในตอนนั้นสามีของตนไม่ยอมให้นำเงินไปลงทุน

น.ส.บี กล่าวต่อว่า กระทั่งเดือน ก.ย. ปี 64 สามีของตนเสียชีวิต ตนกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ต้องอยู่กับลูกน้อยวัย 2 เดือน จึงทำให้เมื่อเดือนมี.ค. ปี 65 ที่ผ่านมา ตัดสินใจนำเงินลงทุนเพาะเลี้ยงเห็ด กับฟาร์มเห็ด ก้อนแรกเป็นเงิน 110,000 บาท เพื่อหวังจะได้รับเงินปันผล จากนั้นก็มีการลงทุนอย่างอื่นอยู่เรื่อย ๆ เช่น ลงทุนปลูกกระท่อม

น.ส.บี กล่าวอีกว่า ซึ่งตนจะต้องได้รับเงินปันผลจากการลงทุนเพาะเลี้ยงเห็ดครั้งแรกในวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่กลับไม่ได้รับตามที่ฟาร์มโฆษณาไว้ บวกกับเริ่มมีผู้เสียหายรายอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับเงินปันผลมาตั้งแต่เดือนมิ.ย. ตนเริ่มเอะใจว่าน่าจะถูกโกง จึงสอบถามไปยังฟาร์มดังกล่าวว่าจะได้รับเงินปันผลจริงหรือไม่ เพราะตนเดือดร้อนมาก ไม่มีเงินเลี้ยงลูก ซึ่งทางฟาร์มก็ยืนยันว่าได้รับแน่นอน และบอกให้รอ แต่ปรากฏว่าจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับเงิน จึงทำให้มั่นใจได้ว่าถูกโกงแน่นอน

“รู้สึกเสียใจมาก เพราะนำเงินที่ลงทุนทั้งหมด 8 แสนบาท ไปลงทุนแต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ซึ่งเงินก้อนนี้ เป็นเงินที่พ่อของลูกทิ้งไว้ให้ กลายเป็นเราไม่มีรายได้อะไรแล้วมาโดนโกงอีก รู้สึกท้อมากจนเกือบจะคิดสั้นแล้ว แต่โชคดีที่ดึงสติตัวเองกลับมาทัน” น.ส.บี กล่าว

ขณะที่ พ.ต.อ.สถาพร รอดโพธิ์ทอง รองผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้เดินทางออกนอกประเทศไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 พ.ย.64 แล้ว อยู่ระหว่างเร่งออกหมายจับ โดยตรวจสอบพบว่า มีผู้ต้องหาที่มีประวัติการจดทะเบียนบริษัท 3 คน แต่คาดว่าอาจมีมากกว่าในจำนวนนี้

พ.ต.อ.สถาพร กล่าวต่อว่า ขณะที่ทรัพย์สินของผู้ต้องหา ตรวจสอบพบว่ามีอยู่ในประเทศแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เบื้องต้นอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบอย่างละเอียด เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก ส่วนจะมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ ขอเวลาดำเนินการอีกระยะ สำหรับพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหา จะเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน, กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงถึง 10 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน