เปิดผลชันสูตร เศรษฐินีลาว ถูกฆ่ายัดกระเป๋า ถูกยิง 2 นัดก่อนโยนหินถ่วงน้ำโขง เผยอีกเบาะแสสำคัญ พบรถหรูทิ้งน้ำ ลูกสาววัย 5 ขวบหายตัวลึกลับ
จากกรณีพบศพหญิงสาวนิรนาม ถูกฆ่ายัดใส่กระเป๋าเดินทาง ยัดหินถ่วงโยนน้ำโขง สภาพใบหน้าคล้ายถูกทุบด้วยของแข็ง แขนซ้ายผิดรูป ไม่มีตำหนิรูปพรรณ ลอยโผล่อืดติดแพจอดเรือ (นรข.เขตนครพนม) บ.โพธิ์ทอง ม.10 ต.ธาตุพนม จ.นครพนม ต่อมาตรวจพบว่า ผู้ตายสวมเสื้อผ้าแบรนด์เนม คาดว่าไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป กระทั่งญาตินักธุรกิจชาวลาวได้ติดต่อประสานพนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม เชื่อว่าอาจเป็นญาติที่หายตัวไปนานกว่า 1 สัปดาห์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว : นักธุรกิจลาว เชื่อ สาวถูกฆ่ายัดกระเป๋าถ่วงน้ำโขง เป็นญาติที่สูญหาย
เปิดผลชันสูตร เศรษฐินีลาว ถูกฆ่ายัดกระเป๋า ถูกยิง 2 นัดก่อนโยนหินถ่วงน้ำโขง เผยอีกเบาะแสสำคัญ
ล่าสุดวันที่ 6 ต.ค.2565 พ.ต.อ.ถวิล คำเกษ ผกก.สภ.ธาตุพนม กล่าวถึงความคืบหน้าทางคดีว่า เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา สถาบันนิติเวช จ.ขอนแก่น ได้ประสานตำรวจ สภ.ธาตุพนม เพื่อนำศพผู้เสียชีวิตรายนี้มาเก็บรักษาไว้ที่ห้องดับจิต โรงพยาบาลนครพนม เพื่อรอญาติมายืนยันตำหนิรูปพรรณ และรอผลตรวจดีเอ็นเอเทียบเคียงที่ชัดเจนอีกครั้ง
พ.ต.อ.ถวิล กล่าวต่อว่า ส่วนผลชันสูตรจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พบร่องรอยการถูกทำร้าย นอกจากบาดแผลที่ถูกทุบตีด้วยของแข็งบริเวณใบหน้าแล้ว ยังมีร่องรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด พบหัวกระสุนฝังใน จำนวน 2 นัดบริเวณศีรษะ จึงได้ทำการบันทึกผลการชันสูตรไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ ญาติผู้ตายซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวลาว แขวงนครหลวงเวียงจันทน์ มั่นใจว่าผู้ตายคือ นางวิภาพร (ขอสงวนนามสกุล) มีตำแหน่งเป็นประธานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง โดยทำธุรกิจเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่นครหลวงเวียงจันทร์ สปป.ลาว
พ.ต.อ.ถวิล กล่าวอีกว่า ขณะที่ทางการลาวยังพบรถยนต์ ยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ รุ่นGLS450 สีดำ ของผู้ตายถูกทิ้งลงน้ำโขง ที่ริมน้ำหมู่บ้านรณรงค์ ต.หาดทรายฟอง เมืองหลวงเวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงเป็นเบาะแสสำคัญและหลักฐานเชื่อมโยงกัน เชื่อว่าเหตุเกิดในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว ซึ่งตำรวจ สภ.ธาตุพนมไม่มีอำนาจการสอบสวนดำเนินคดีต่อแล้ว
Advertisement
พ.ต.อ.ถวิล กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีลูกสาวของผู้ตายอายุ 5 ขวบหายตัวไปด้วยเช่นกัน และยังไม่ทราบชะตากรรมของหนูน้อยรายนี้ ส่วนการขอรับศพเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่ภูมิลำเนา ยังคงรอแค่ญาตินำหลักฐานมาตรวจพิสูจน์ยืนยัน ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการขั้นตอนประสานงานรับศพระหว่างประเทศ
