กรมวิทย์ฯ ยันไทยยังไม่พบสายพันธุ์ BQ.1.1-XBB สายพันธุ์หลักเป็น BA.5.2 เผย BQ.1.1 เป็นพันธุ์ย่อย BA.5 ส่วน XBB มาจากต้นตระกูล BA.2 กลายพันธุ์เรื่องปกติ

เมื่อวันที่ 9 ต.ค.65 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีข่าวต่างประเทศตรวจพบโอมิครอนกลายพันธุ์ตัวใหม่ “BQ.1.1” และ “XBB” สามารถแพร่เชื้อได้เร็ว และดื้อภูมิคุ้มกันมากกว่าทุกสายพันธุ์ว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ยังไม่มีรายงานการตรวจพบสายพันธุ์ดังกล่าวในประเทศไทย

ขณะนี้เชื้อโควิด 19 ที่แพร่ระบาดในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็น “โอมิครอน” สายพันธุ์ย่อย BA.5 จากฐานข้อมูล GISAID ณ วันที่ 7 ต.ค.65 ประเทศไทยพบ BA.4 จำนวน 218 ราย ในส่วน BA.2.75 และลูกหลาน BA.2.75.1, BA.2.75.2 พบ 24 ราย สายพันธุ์ BA.5 และลูกหลาน พบ 2,152 ราย

“สายพันธุ์ย่อยหลักที่พบมากในไทย ได้แก่ สายพันธุ์ BA.5.2 พบรายงาน 1,709 ราย แนวโน้มสอดคล้องกับทั่วโลก คือ BA.5 ยังเป็นสายพันธุ์หลัก ส่วน BA.4, BA.2.75 และลูกหลาน พบเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย” นพ.ศุภกิจ กล่าว

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า การกลายพันธุ์เป็นเรื่องธรรมชาติของไวรัส สำหรับสายพันธุ์ BQ.1.1 เป็นสายพันธุ์ย่อยของ BA.5 ที่มีการกลายพันธุ์ 3 ตำแหน่งบนส่วนหนาม ได้แก่ R346T, K444T, และ N460K ช่วยให้หลบภูมิคุ้มกันได้ดี

ส่วนสายพันธุ์ XBB มีต้นตระกูลมาจาก BA.2 นั้น เป็นลูกผสมระหว่างโอมิครอน BJ.1 และ BA.2.75 ปัจจุบันทั่วโลกรายงาน XBB 260 ราย BJ.1 จำนวน 114 ราย และ BA.2.75 จำนวน 9,047 ราย สำหรับไทยพบเฉพาะสายพันธุ์ BA.2.75 จำนวน 18 ราย ยังไม่พบสายพันธุ์ BJ.1 และ XBB

“กรมฯ ติดตามการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง หากพบสัญญาณว่าตัวใดมีปัญหาจะจับตาเป็นพิเศษ ขณะนี้ไทยยังไม่มีสัญญาณการกลายพันธุ์ที่ต้องกังวล ขอให้ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ควรตื่นตระหนกจากข้อมูลบางส่วนในสื่อโซเชียล ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสับสน

เน้นย้ำว่า วัคซีนเข็มกระตุ้นยังจำเป็น ขอให้ฉีดกระตุ้นอย่างน้อย 4 เดือน จากเข็มล่าสุด โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ควรรับถึงเข็มที่ 4 มาตรการป้องกันตนเอง ใส่หน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง ยังรับมือได้ทุกสายพันธุ์” นพ.ศุภกิจ กล่าว

 








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน