เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 7 ก.พ. ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้อนุมัติหมายค้น ที่102/2561 ลงวันที่ 7 ก.พ. 2561 ให้กับพ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ต.เกริก เสนาสำเนียง สว.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี ร.ต.อ.นัฐพล ดาวเรือง รอง สว.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี ร.ต.ท.คำรณ บริสุทธิ์ รอง สว.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมพวก ดำเนินการตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 47 บ้านโป่งปัด ม.3 ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ของนายธานี ทุมมาศ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกจับกุมตัวพร้อมเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) รวมทั้งนายยงค์ โดดเครือ อายุ 65 ปี และนางนที เรียมแสน อายุ 43 ปี ที่ลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ป่าคุ้มคลองประเภทเสือดำ ไก้ฟ้า โดยถูกจับกุมพร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเป็นจำนวนมาก

โดยให้คณะเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจค้นตั้งแต่เวลา 12.00 น. ไปจนถึงเวลา 18.00 น.ของวันนี้ ซึ่งการเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ ตร.กก.5 บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ร่วมเดินทางไปปฏิบัติการด้วย เมื่อปถึงที่บ้านหลังดังกล่าว พบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว สภาพค่อนข้างทรุดโทรม ส่วนภายในบ้านพบนายวิเชียร เอกชะอุ่ม อายุ 79 ปี อยู่ภายในบ้านเพียงคนเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายค้นให้แก่นายวิเชียรดู พร้อมอธิบายถึงเหตุผลการมาจนนายวิเชียรเข้าใจ พร้อมกับนำพาเจ้าหน้าที่ตรวจค้นด้วย และจากการตรวจค้นภายในบ้านและพื้นที่โดยรอบไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด

จากการสอบถามนายวิเชียร กล่าวว่า ตนเป็นพ่อตาของนายธานี หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม โดยนายธานีและภรรยาไปทำมาหากินด้วยการค้าขายอาหารอยู่ในพื้นที่ตลาดคลองเตย กทม. และพักอาศัยอยู่ที่แถว อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่ง 2-3 เดือน นายธานีกับลูกสาวจึงจะเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านสักครั้งหนึ่ง และเมื่อเจ้าหน้าที่ทราบจึงจดทำบันทึกเอาไว้ ก่อนที่จะรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป

ด้าน นายธรรมรัฐ วงศ์โสภา รักษาการผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุก็ได้แจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบดูเอกสารในรูปคดี ถึงความถูกต้องของข้อกฎหมาย ว่ามีการอนุญาตเข้าพื้นที่โดยชอบหรือไม่ชอบอย่างไร รวมทั้งข้อกฎหมายที่จะต้องตั้งข้อกล่าวผากับผู้ที่กระทำผิดในครั้งนี้ให้ครบถ้วน ซึ่งเรื่องนี้กรมกรมอุทยานฯได้ตระหนักถึงเรื่องการดำเนินคดีเป็นเรื่องสำคัญ และจะต้องให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ส่วนเรื่องที่มีการจับกุมบุคคลผู้ที่มีชื่อเสียง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใครก็จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันเฉกเช่นประชาชนทั่วไป แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงหรือไม่ว่าจะมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้ามาแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ นายธรรมรัฐ กล่าวต่อว่า ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการจับกุม ก็ได้ตรวจสอบเพื่อหาหลักฐาน ซึ่งก็สามารถยึดได้ทั้งซากสัตว์ป่า รวมทั้งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเป็นจำนวนมาก และได้ทำบันทึกส่งพนักงานสอบสวน และต่อไปก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องดำเนินการทางด้านกฎหมาย ส่วนเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯนั้น จากนี้ไปก็จะมีหน้าที่ติดตามความคืบหน้าผลทางคดี ผลสำนวนส่งถึงอัยการ จากนั้นติดตามผลการตัดสินของศาล และจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไปเท่านั้น

นายธรรมรัฐ กล่าวต่อว่า โดยหลักการการเข้าไปภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรนั้น จะต้องมีการยื่นเรื่องเพื่อขออนุญาตไปที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ซึ่งเคสนี้เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการยื่นขออนุญาตในรูปแบบที่ยังถูกต้อง เพราะยังขาดเอกสารอยู่หลายอย่าง ซึ่งก็ได้มีการพิจารณาในการกำหนดวันเข้าให้ แต่การพิจารณาก็ไม่ทันตามเวลาที่เขาอนุญาต เพราะว่าเอกสารไม่ครบ ดังนั้นจึงไม่ได้มีการเซ็นต์อนุญาตให้เข้าแต่อย่างใด ซึ่งก็ชัดเจนอยู่แล้ว

นายธรรมรัฐ กล่าวอีกว่า ซึ่งบุคคลใดได้รับอนุญาตให้เข้าไป จะต้องเดินทางไปในเส้นทางที่ถูกต้อง ตามที่เขตรักษาพันธุ์ทุ่งใหญ่นเรศวรได้กำหนดเอาไว้ และเมื่อเข้าไปจะต้องแสดงหนังสือการได้รับอนุญาตด้วย ซึ่งจากการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์ฯ ก็ทราบว่าการที่ไปพบกลุ่มบุคคลเหล่านี้ครั้งแรกที่แคมป์พัก พบว่าเป็นจุดที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นเขตที่ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปตั้งแคมป์ เจ้าหน้าที่ก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนไป

“ส่วนจะมีการลักลอบเข้าไปด้วยตนเองหรือไม่ ตรงนี้จะต้องเข้าไปพิสูจน์ทราบอีกครั้งว่าได้เข้ามาตามเส้นทางที่มีด่านตรวจอย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการขยายความจากการจับกุมกลุ่มบุคคลในครั้งนี้ ว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวผู้ล่าสัตว์ชุดนี้ เข้าไปในช่องทางที่ได้รับอนุญาตหรือไม่อย่างไร ส่วนครั้งนี้จะต้องมารับภาระการดำเนินการการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นในเรื่องของการล่าสัตว์ป่าก่อนเป็นอันดับแรก สำหรับประเด็นการเข้าไปในพื้นที่จะดำเนินการตรวจสอบอีกครั้งในภายหลัง และจนถึงขณะนี้ตนก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับกลุ่มผู้ที่ถูกจับกุมแม้แต่คนเดียว เพราะมันเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม” นายธรรมรัฐ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน