ตร.ท่องเที่ยว รวบสาวตระเวนลักทรัพย์นักท่องเที่ยวตามสนามบินและห้างสรรพสินค้า พบประวัติโดนจับหลายครั้ง อ้างผัวติดคุก เงินขาดมือ

เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 26 เม.ย. 66 พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท. สั่งการให้ พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.1 บก.ทท.1 พ.ต.ท.มนพร ลิขิตมานนท์ รอง ผกก.1 บก.ทท.1 และ พ.ต.ท.นิมิตร จรรยาลักษณ์ สว.กก.1 บก.ทท.1 นำกำลังจับกุมตัว น.ส.พรทิพย์ หรือทิพย์ คันธรักษ์ อายุ 53 ปี พร้อมของกลาง กระเป๋าสตางค์ของผู้เสียหาย 1 ใบ

ภายในมีเงินสกุลประเทศฟิลิปปินส์ จำนวน 23,000 เปโซ หรือประมาณ 14,230 บาท โดยจับกุมตัวได้ขณะนั่งรับประทานอาหารอยู่ภายในร้านเบอร์เกอร์คิง ย่านสยามสแควร์ ถนนพระราม 1 แขวงและเขตปทุมวัน กทม. ก่อนขยายผลไปตรวจค้นที่ห้องพักภายในซอยประชาร่วมใจ 62 ย่านมีนบุรี พร้อมยึดยาบ้า 293 เม็ด และไอซ์ หนัก 1.26 กรัม

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวสาวชาวจีนเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ว่า ถูกคนร้ายลักทรัพย์เป็นกระเป๋าถือ สีขาวยี่ห้อ YSL ที่วางไว้บนกระเป๋าเดินทาง ขณะกำลังเเวะซื้อของภายในร้านสะดวกซื้อบริเวณประตู 8 ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยในกระเป๋าดังกล่าวมีเงินไทยประมาณ 15,000 บาท เงินสกุลมาเก๊า จำนวน 16,000 ดอลลาร์ฮ่องกง และทรัพย์สินอื่น ๆ มูลค่าเกือบ 100,000 บาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวลงพื้นที่สืบสวนจากกล้องวงจรปิด ภายในสนามบิน พบว่า น.ส.พรทิพย์ เป็นผู้ก่อเหตุ โดยมีประวัติเคยถูกจับกุมคดีลักทรัพย์นักท่องเที่ยวภายในสนามบินรวมถึงห้างสรรพสินค้าหลายแห่งมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง และเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2564

กระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมติดตาม พบตัว น.ส.พรทิพย์ ขณะอยู่ในย่านสยามสแควร์ จึงเข้าขอตรวจค้น พบว่าเพิ่งลงมือก่อเหตุล้วงกระเป๋าจากผู้เสียหายชาวฟิลิปปินส์รายหนึ่งมาหมาด ๆ จึงจนมุมพร้อมของกลางขณะกำลังนั่งรับประทานอาหาร

จากการตรวจสอบยังไม่พบว่าผู้เสียหายเจ้าของกระเป๋าเงินดังกล่าวเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด จึงประสานสถานทูตฟิลิปปินส์เพื่อติดตามหาตัวผู้เสียหาย ให้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ก่อนนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติม

จากการสอบสวน น.ส.พรทิพย์ ให้การว่า เคยถูกตำรวจจับดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์มาแล้วหลายครั้ง ก่อนที่จะพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2564 ได้มีสามีและชวนกันเสพยาเสพติด และเป็นเอเย่นต์ค้ายาบ้าและยาไอซ์ ขายให้กับวัยรุ่นย่านมีนบุรี จนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สามีถูกจับพร้อมยาเสพติด ทำให้ต้องอยู่ลำพัง เงินขาดมือไม่มีรายได้

จึงตัดสินใจก่อเหตุล้วงกระเป๋าและลักทรัพย์ผู้เสียหายนักท่องเที่ยว ตามสนามบินและนักท่องเที่ยว ที่มาเดินตามห้างสรรพสินค้า เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายรายวัน นอกจากนี้ยังพบว่ามีหมายจับคดีลักทรัพย์ ในท้องที่ สน.ปทุมวัน และสน.มีนบุรี ติดตัวอยู่ด้วย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ลักทรัพย์, ครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย และข้อหาเสพยาฯ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน และติดต่อพนักงานสอบสวน ท้องที่อื่นที่พบมีการกระทำความผิดมาอายัดตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน