บุกรวบ “ผิงผิง โคลนาซีแพม” สาวสองนักวางยาหนุ่มทั่วกรุง ฉกทรัพย์ พบ เป็นมือขวาบอส คอลเซ็นเตอร์ ชาวจีน ทำหน้าที่ฝ่ายบุคคลจัดหาบัญชีม้า

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 12 ก.ย.2566 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุด PCT 5 นำกำลังเจ้าหน้าที่สืบนครบาล เข้าทำการจับกุมตัว นายอภิชาติ (ขอสงวนนามสกุล) หรือ ผิงผิง อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 หมายจับ ได้แก่ 1.หมายจับศาลอาญาที่ จ.2174/2566 ลงวันที่ 10 ก.ค.66 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน” พื้นที่ สน.สุทธิสาร

และหมายจับศาลอาญาที่ จ.2963/2566 ลงวันที่ 11 ก.ย.66 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” พื้นที่ สน.พญาไท พร้อมบัตรประจำตัวประชาชน 6 ใบ เป็นของบุคคลอื่น รับว่าเป็นของบัญชีม้า โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง ของผู้ต้องหา 2 เครื่อง, ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 เครื่อง, เงินสด 25,000 บาท, ยา Clonazepam จำนวน 3 แผง ซึ่งเป็นยาที่ใช้มอมเหยื่อ

สืบเนื่องจากนายอภิชาติ ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง ตระเวนก่อเหตุวางยาและรูดทรัพย์แอพฯหาคู่ ใช้ข้อความหลอกล่อเหยื่อจะให้เงินใช้ให้ทักเข้าไป เมื่อผู้เสียหายส่วนใหญ่ซึ่งเป็นชายหนุ่มหลงเชื่อ หลังมีเพศสัมพันธ์แล้ว จะเอายาโคลนาซีแพมบดเป็นผงเทน้ำหรือแก้วเบียร์หรือเหล้าใส่ให้ผู้เสียหายดื่ม ทำให้เกิดง่วงซึม มึนศีรษะ จดจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ หากเหยื่อพยายามฝืนฤทธิ์ยา ก็จะลงมือทำร้ายร่างกาย เช่น กระโดดถีบ ต่อยหน้า ตบหน้า ต่าง ๆ นานา โดยที่เหยื่อไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ จนกว่าเหยื่อจะสลบไป

ล่าสุดวันที่ 7 ก.ย.66 นายอภิชาติได้ลงมือก่อเหตุกับชายหนุ่มรายหนึ่ง ที่โรงแรมชื่อดังในซอยศรีอยุธยา 12 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร โดยนายอภิชาติได้ขโมยทรัพย์สินเงินสด โทรศัพท์ และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ของเหยื่อไป มูลค่าความเสียหายประมาณ 200,000 บาท จากนั้นได้หายตัวไป

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนแกะรอยจนทราบว่า นายอภิชาติ ศรีโคตร อายุ 22 ปี กำลังหลบหนีออกไปทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ชุดสืบนครบาลและนักเรียนสืบสวน 112 ไล่ล่าติดตามไปอย่างกระชั้นชิดจนถึงริมชายแดน กระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ขณะกำลังพยายามจะหลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้าน

จากการสอบสวน นายอภิชาติ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตนเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ใน ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ทำมาเป็นเวลากว่า 3 ปี หลอกคนไทยได้ยอดรวมประมาณล้านกว่าบาท ซึ่งตนได้ค่าคอมมิชชั่น 400,000 บาท แต่ได้ใช้เสเพลกับการพนันไปหมดแล้ว ปัจจุบันตนได้เป็นมือขวาของบอสชาวไต้หวันชื่อว่า “เสี่ยว เฟ่ย เชียน” ซึ่งเป็นเจ้าของคอลเซ็นเตอร์ 3 ตึกในปอยเปต

นายอภิชาติ ให้การต่อว่า ล่าสุดได้ทำหน้าที่เป็น HR และคอยจัดหาบัญชีม้าให้กับบอสชาวจีน โดยจะเข้า ๆ ออก ๆ กัมพูชาและประเทศไทยเป็นประจำ เพราะตนเสพติดภาพการล้มพับของเหยื่อ เพราะมันทำให้ตนมีความสุข ความสนุก ความสะใจ มีอยู่ครั้งหนึ่งตนเคยไปลองมอมยาใส่กลุ่มชายหนุ่มในสถานที่ท่องเที่ยวแล้วเห็นเหยื่อล้มฟุบพร้อมกัน 4 คน ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีพลังวิเศษ

นายอภิชาติ ให้การอีกว่า ซึ่งตอนนี้ได้เสพติดความสุขนี้ไปแล้ว ตนจะหาเวลาว่างจากการทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เดือนละ 2-3 ครั้ง เพื่อเข้ากรุงเทพฯมาก่อเหตุลักษณะนี้ ความสุขก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนก็หวังจะได้ทรัพย์สินจากเหยื่อด้วย โดยจุดเริ่มต้นเกิดจากตนเคยถูกผู้ชายมามีเพศสัมพันธ์ด้วยแล้วโดนชายคนนั้นขโมยทรัพย์สินไประหว่างที่ตนหลับ ตอนนั้นตนถูกขโมยเงินไปกว่า 80,000 บาท

นายอภิชาติ ให้การว่า ตนแค้นมาก จึงวางแผนล่อลวงชายคนนั้นมาและได้ลองมอมยาแบบนี้เป็นครั้งแรก ตอนนั้นใส่ยาไปทั้งหมด 10 เม็ด จนล้มพับไป จากนั้นก็ขโมยของขโมยรถของชายคนนั้น จากนั้นก็รู้สึกสนุก สะใจ จึงติดเป็นนิสัยและก่อเหตุต่อมาเรื่อย ๆ ยาที่ตนได้มานั้น ตนไปหาหมอแล้วจะบอกว่าต้องการยาตัวนี้ ถ้าหมอคนไหนไม่ยอมให้ก็จะแสดงละครบอกหมอว่าถ้าไม่ให้จะไปฆ่าตัวตาย หมอก็จะยอมให้ โดยให้ทีละ 20-30 แผง

ผู้ต้องหา ให้การด้วยว่า และที่เลือกวางยาในเบียร์แบบนี้เพราะว่าตนเคยลองใส่ในน้ำเปล่าแล้วมันจะขุ่น ๆ ทำให้เหยื่อดูออกได้ง่าย ส่วนรถที่ตนขโมยมาจะนำไปขายให้กับขบวนการส่งรถออกนอกประเทศ จะเก็บรถที่ขโมยมาไว้กับตัวเองไม่เกิน 2 ชั่วโมง ส่วนบัตรประชาชนที่ถูกตรวจค้นพบหลายใบนั้น ตนได้มาจากเหยื่อบ้าง และได้จากพวกเปิดบัญชีบ้าง เลยนำมาใช้ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ แทนชื่อของตนเพื่อปกปิดตัวเอง

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของภัยสังคมรายนี้ โดยจากการขยายผลการจับกุมในขณะนี้เราพบพยานหลักฐาน รถจักรยานยนต์ ซึ่งต้องสงสัยว่าได้จากการก่อเหตุ กว่า 13 คัน และพบข้อมูลเหยื่อและผู้ที่กำลังจะตกเป็นเหยื่ออีกไม่ต่ำกว่า 10 ราย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน