ตร.เร่งคลี่ปม ฆ่าโหดหนุ่มไต้หวัน มัดมือเท้าหมกโรงแรม พบผู้ต้องสงสัย2ชายผิวสี เผยผู้ตายเคยถูกดำเนินคดี ฉ้อโกง และ ค้ามนุษย์ ในไต้หวัน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 พ.ย.2566 ร.ต.อ.กองพล วงษ์จันท รองสว.(สอบสวน) สน.บางนา รับแจ้งเหตุผู้เสียชีวิตภายในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่ง ซ.อุดมสุข 17 แขวงบางนา เขตบางนา กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมรีบรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรพงษ์ สุขแย้ม ผกก.สน.บางนา ฝ่ายสืบสวน สน.บางนา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ และอาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุ ชั้น 6 ห้อง 618 พบศพนาย ชู เชียง เฉิน อายุ 48 ปี ชาวไต้หวัน สภาพศพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดคอกลมสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีดำ มีบาดแผลถูกของแข็งทุบตีที่ใบหน้า คิ้วขวามีบาดเแผลฉกรรจ์ บริเวณจมูก ลำคอ ถูกรัดด้วยเทปพลาสติกใส ถูกมัดมือมัดเท้าด้วยเข็มขัดและเชือกฟาง นอนเสียชีวิตอยู่บนพื้นข้างเตียง ใกล้กันพบตู้เซฟ 2 ตู้ และภายในห้องมีร่องรอยการต่อสู้ สิ่งของกระจายทั่วห้อง

จากการสอบถามจากเจ้าหน้าที่ของโรงแรม ทราบว่าผู้ตายได้เข้ามาเปิดห้องพักเพียงคนเดียว โดยเดินทางเข้ามาถึงประเทศไทยเมื่อช่วงตี 1 ของวันที่14 พ.ย. และมาเปิดห้องพักเมื่อเวลา 12.43 น. ของวันที่ 14 พ.ย.

จากการตรวจสอบกับทางพนักงานของโรงแรมแจ้งว่า ช่วงก่อนเที่ยงของวันที่ 15 พ.ย. พนักงานได้ขึ้นไปทำความสะอาดห้องพักยังเห็นผู้เสียชีวิตนั่งเล่นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอยู่ แต่จากการตรวจสอบสิ่งของส่วนตัวทั้งโทรศัพท์ โน้ตบุ๊กและทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตภายในห้องพักไม่พบอยู่ภายในห้อง มีเพียงกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 2 ใบ และตู้เซฟ จำนวน 2 ใบ อยู่ภายในห้อง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มอบศพให้มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำส่งนิติเวช รพ.จุฬา เพื่อตรวจพิสูจน์ต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบประวัติของผู้เสียชีวิตพบว่าเคยถูกดำเนินคดี ฉ้อโกง และ ค้ามนุษย์ ในไต้หวัน แต่คดีสิ้นสุดแล้ว โดยจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม ในช่วงก่อนเกิดเหตุหลังเที่ยงคืน พบชายผิวขาว 2 คน ใส่ชุดรัดกุมเดินเข้าไปในห้องผู้ตาย และมีภาพชายผิวสีปรากฎในเวลาไล่เรี่ยกันออกมาจากลิฟท์ จากนั้นก็ไม่มีใครขึ้นไปอีกเลย

ซึ่งชายผิวสีมีพยานเห็นว่าเคยนั่งคุยกับผู้เสียชีวิตทีเคยเข้ามาพักเมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียชีวิตได้เล่าให้พนักงานฟังว่า เดินทางเข้ามาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ทำธุรกิจเช่าซื้อตึกเก่า เพื่อรีโนเวททำโรงแรม แต่ถูกเพื่อนโกง และผู้ตายยังคุยด้วยว่า ถ้าพนักงานโรงแรมจะไปเที่ยวที่ไต้หวันเขาสามารถดูแลทุกอย่างได้

ต่อมาเวลา เวลา 14.40 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้เดินทางมาที่ สน.บางนา พร้อมเรียกประชุมชุดสืบสวนเพื่อเร่งคลี่คลายคดี โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดภายในโรงแรมและบริเวณโดยรอบ ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่าตำรวจพบภาพ 2 ผู้ต้องสงสัย แต่จะเกี่ยวข้องกับการตายหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

โดยการประชุม มีการประชุมผ่านระบบ VIDO CONFERENCE เพื่อรายงานเหตุการที่เกิดขึ้นไปยัง พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผบ.ตร. ซึ่งการประชุมเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 15:00 น. แต่ใช้เวลาในการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นตำรวจฝ่ายสืบสวนบก.น.5 ประมาณ 6 นายได้เดินทางออกจากห้องประชุม โดยมีท่าทีเร่งรีบนำเอกสารบางอย่าง ออกจาก สน. ไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่การประชุมในห้องประชุมบริเวณชั้น 2 ยังคงดำเนินการต่อไป อย่างเคร่งเครียด

ต่อมาเวลา 16.00 น. พนักงานสอบสวนได้นำพยานวัตถุของผู้ตายในที่เกิดเหตุ มาทำการตรวจสอบไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลบางนา ประกอบด้วย ตู้เซฟของโรงแรม จำนวน 2 ตู้ ซึ่งคาดว่าภายในน่าจะมีทรีพย์สมีินสำคัญของผู้ตายอยู่ภายใน เนื่องจากมีรอยนิ้วมืดเปื้อนเลือดติดอยู่บริเวณตู้เซฟ 1 ตู้, กระเป๋าเดินทางสีดำขนาดใหญ่ 1 ใบ,

ถังน้ำสีขาวขนาดเล็กเปื้อนเลือด 1 ใบ, ถังน้ำมีฝาปิด 1 ใบ, กระเป๋าหนังถือสีดำ 1 ใบ, กระเป๋าใส่ของกลางรวม ๆ ภายในมีม้วนอลูมิเนียมฟอล์ยสำหรับห่ออาหาร 3 ม้วน, เตารีดไฟฟ้า 3 เครื่อง และซองวัตุพยานอีก 2 ซอง เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตว่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง

พล.ต.ต. ธีรเดช เปิดเผยว่า การตายของชาวไต้หวันรายนี้ผิดธรรมชาติ มีการจับมัดมือผู้ตายด้วยเทปกาวและนำมือไพร่หลัง แต่สาเหตุการเสียชีวิตจะเกิดกจากอะไรนั้นต้องรอแพทย์นิติเวชเป็นผู้ให้คำตอบ ยอมรับว่าการตายครั้งนี้ผิดธรรมชาติ อีกทั้งผู้ตายเป็นชาวต่างชาติจึงมีความอ่อนไหวและเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขณะนี้ได้แจ้งไปยังสถานกงสุลถึงสาเหตุการเสียชีวิตของชายคนดังกล่าวแล้ว เพื่อแจ้งญาติของผู้ตายต่อไป

จากการสืบสวนพบว่ามีกลุ่มชาวต่างชาติผิวสี 2 คนและชายชาวเอเชียยังไม่ทราบเชื้อชาติ 1 คน เข้ามาเกี่ยวข้องพัวพันกับผู้ตาย แต่จะเกี่ยวข้องพัวพันเรื่องอะไร ขณะนี้ยังให้คำตอบไม่ได้ อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน โดยในวันนี้ได้มีการประชุมแบ่งหน้าที่การทำงานเพื่อความชัดเจนและให้คดีเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ระหว่าง สืบนครบาล สืบนครบาล 5 และ สืบบางนา รวมถึง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง

ส่วนกรณีที่มีกระแสว่าผู้ตายมีส่วนพัวพันกับคดีค้ามนุษย์และคดีฉ้อโกงในบ้านเกิดนั้น เป็นคดีเก่าที่ผู้ตายได้รับโทษมาแล้ว แต่จะเป็นสาเหตุของการฆาตกรรมหรือไม่ ทางตำรวจไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง
ขณะนี้มีการลงพื้นที่เก็บภาพรายละเอียดในที่เกิดเหตุ รวมถึงลงพื้นที่ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด ตั้งแต่ที่ผู้ตายลงจากเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิว่ามีการไปพบหรือพูดคุยกับใครบ้าง ใครเกี่ยวข้องกับผู้ตายบ้าง และผู้ตายได้เดินทางไปไหนบ้างจนถึงที่พัก

ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ช่วงค่ำของ วันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา มีหญิงสาวชาวไทย 2 คน เดินทางมาพบกับผู้ตายที่โรงแรมด้วย แต่จะเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ ขอให้ตำรวจทำงานก่อน นอกจากนี้ ยังได้แบ่งงานให้ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เข้าไปดำเนินการตรวจสอบ ว่าผู้ตายเข้ามาในเมืองไทยด้วยวัตถุประสงค์อะไร เนื่องจากผู้ตายเดินทางเข้าไทยมาแล้วรวม 4 ครั้ง

แต่การมาแต่ละครั้งใช้เวลาพักเพียงไม่กี่วันก่อนจะเดินทางกลับ ซึ่งเราต้องสืบให้ได้ว่าผู้ตายมาทำอะไรในประเทศ และในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมสรุปความคืบหน้าประจำวันอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน