จับแล้ว เจ๊ปุ๋ย ต้องสงสัย จ้างวานฆ่า เศรษฐินี นามสกุล โกศลานันท์ หลังสมุนซัดทอด แฉวันเกิดเหตุ ก่อนทิ้งศพอำพรางคดี แล้วหนีไปบวช เร่งนำตัวกลับมาสอบ

จากคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ปนิฐิ โกศลานันท์ อายุ 77 ปี หลังพบศพภายในสระน้ำสวนผลไม้ ห่างจากหลังบ้านพักประมาณ 100 เมตร ในพื้นที่ ม.2 ต.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ม.ค.2567 ที่สภ.มะขาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากเมื่อเวลา 18.30 น.ของวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจสืบสวน สภ.มะขาม ได้นำรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า ฟิลาโน่ ทะเบียน 1กฐ6360 จันทบุรี

ซึ่งเป็นรถต้องสงสัย ที่คาดว่าจะมีการนำมาใช้ในการก่อเหตุ มาให้พิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือแฝง พร้อมวัตถุพยานอื่น ๆ โดยตำรวจยังไม่ยืนยันแน่ชัดว่า จะเป็นรถที่ใช้ก่อเหตุจริงหรือไม่ หรือเป็นรถที่สวมทะเบียน

พร้อมกันนี้ตำรวจชุดชุดสืบสวนได้นำตัวชายผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุขึ้นรถตู้มาทำการสอบปากคำที่ห้องสอบสวนที่ชั้น 2 ทันที โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนตามไปเก็บภาพระหว่างการสอบสวน

ล่าสุดหลังจากที่ผู้ต้องสงสัยสอบเครียดทั้งคืน ท้ายสุดสารภาพทราบชื่อ นายกฤษฎ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุร่วมทำร้าย น.ส.ปนิฐิ อีก 2-3 คน โดย 1 ในจำนวนนั้นเป็นผู้หญิงชื่อ ปุ้ย (นามสมมติ) ส่วนอีก 2 คน เป็นชายวัยรุ่น

โดยผู้ต้องหาเป็นแค่คนขับรถพาผู้ร่วมก่อเหตุมาทวงหนี้กับผู้ตาย ไม่ได้เข้าไปร่วมก่อเหตุด้วย หลังก่อเหตุจึงนำศพไปโยนทิ้งน้ำเพื่ออำพราง โดยอ้างว่ามีมูลเหตุเรื่องการทวงเงินค่าแรงแล้วไม่ได้ หรือทวงหนี้แล้วไม่ได้ แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ

ส่วนประเด็นที่ผู้ก่อเหตุทั้งหมดสามารถเข้าไปในบ้านของผู้ตายได้ สืบเนื่องจากมี 1 ในผู้ก่อเหตุมีกุญแจ ซึ่งเป็นบุคคลที่ผู้ตายไว้วางใจมากที่สุด เป็นคนเปิดประตูให้ผู้ร่วมก่อเหตุเข้าไปด้านใน

จากนั้นได้ทำการใช้มือหรือของแข็งทุบทำร้ายจนผู้ตายบาดเจ็บหรือสลบหรืออาจจะเสียชีวิต ก่อนช่วยกันนำร่างออกมาจากบ้านแล้วไปนำศพไปโยนทิ้งสระน้ำ ทั้งนี้ จากผลการตรวจชันสูตรของแพทย์พบว่าในปอดไม่มีน้ำอยู่ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าผู้ตายอาจเสียชีวิตก่อนถูกนำศพมาโยนทิ้งน้ำ

ขณะเดียวกันในวันนี้ตำรวจได้มีการเชิญตัวพ่อของนายกฤษฎ์ผู้ต้องหามาให้ปากคำเพิ่มเติม จากการสอบถามเบื้องต้นพ่อของนายกฤษฎ์ ให้การเพียงว่า ไม่รู้ข้อมูลทั้งหมด แต่ลูกชายได้เล่าให้ฟังว่า คืนเกิดเหตุได้มีผู้หญิงโทรศัพท์มาตามให้ช่วยขับรถให้ โดยบอกเพียงว่าจะไปทวงเงินที่บ้านของผู้ตาย ส่วนเรื่องอื่น ๆ ตนไม่ทราบ

พร้อมกันนี้ยังได้เชิญพยานอีกคน มาให้ปากคำคือสามีของ นางปุ้ย ซึ่งยังตกเป็นผู้ต้องสงสัย เบื้องต้นบอกเพียงว่า นางปุ้ย ทำธุรกิจเรื่องเงินกู้กับผู้ตายมาได้ประมาณ 1 ปี ส่วนเบื้องลึกรายละเอียดนั้นไม่ทราบ เนื่องจากแยกกันอยู่ได้ประมาณ 2 เดือน เพราะ นางปุ้ยไปบวชชีที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.สอยดาว

ล่าสุดตำรวจตาม นางปุ๋ย ได้ที่ ต.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี อยู่ระหว่างนำตัวกลับมาสอบปากคำที่ จ.จันทบุรี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน