จากกรณีที่ นายณพสิน แสงสุวรรณ หรือหนุ่ม กะลา อายุ 36 ปี นักร้องชื่อดัง ถูกศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับที่ จ.99/2561 ลงวันที่ 8 มี.ค.61 ในความผิดละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าด้วยการเผยแพร่ภาพและเสียงต่อสาธารณชน ซึ่งงานดนตรีกรรมหรือโสตทัศนวัสดุโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายหลังนายณพสินไปเปิดแสดงคอนเสิร์ตที่ร้าน คลับ อินซอมเนีย ถนนวอล์คกิ้งสตรีท ต.หนองปรือ อ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และนำเพลงยาม ของวงลาบานูน ไปร้องในร้านและในสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตต่างๆ อีกหลายครั้งหลายสถานที่ โดยไม่ได้ขออนุญาตกับทางเจ้าของลิขสิทธิ์แต่อย่างใดนั้น ต่อมาช่วงเย็นวันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา หนุ่ม กะลาเดินทางไปที่สภ.เมืองพัทยา เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ 2537 ในมาตราที่ 27 ตามที่เสนอข่าวไปนั้น อ่านข่าว “หนุ่ม กะลา” โร่พบตำรวจพัทยา โดนแจ้ง 4 ข้อหา ก่อนยื่น 1 แสนประกันตัว

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 13 มี.ค. ที่สน.บางเขน นายณพสิน แสงสุวรรณ หรือหนุ่ม กะลา อายุ 36 ปี นักร้องชื่อดัง พร้อมนายทวีทรัพย์ หลักคำ อายุ 30 ปี ผู้จัดการส่วนตัว เดินทางเข้าพบพ.ต.ต.สมพร สะตะ สารวัตร (สอบสวน) สน.บางเขน หลังมีหมายเรียกของสน.บางเขนให้มาพบพนักงานสอบสวนครั้งที่ 2 เนื่องจากพบว่ามีการนำเพลง “ยาม” มาร้องในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านวัชรพล (ร้านห้าแยก วัชรพล ) แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.

นายณพสิน เปิดเผยก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า “ก่อนอื่นต้องขอโทษที่พลาดทำผิดในครั้งนี้ เพราะเกิดจากการเข้าใจผิดของตัวผมเองว่าทางแกรมมี่ได้ซื้อลิขสิทธิ์เพลงนั้นมาแล้ว เนื่องจากเป็นการเข้าใจผิดเห็นว่าลาบานูนย้ายมาอยู่ที่แกรมมี่จึงคิดว่าซื้อลิขสิทธิ์เพลงมาแล้ว ตนจึงนำเพลงไปเล่นโดยไม่รู้ ซึ่งตนนำเพลง “ยาม” ของวงลาบานูน ไปร้องตามงานโชว์ในสถานที่ต่างๆทั่วประเทศ ประมาณ 47 ครั้ง ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.60 จนถึงวันที่ 8 ม.ค.61 จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 ม.ค.61 ตนทราบว่ามีการแจ้งความเกิดขึ้น โดยแจ้งความไปแล้วกว่า 40 แห่ง เมื่อทราบดังนั้นแล้วจึงหยุดเล่นเพลงดังกล่าวทันที ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมพร้อมที่จะยอมรับความผิดตั้งแต่ที่ทราบเรื่อง”

“ผมต้องออกมาพูดเนื่องจากว่ามีบางกระแสออกมาว่าทำไมถึงปล่อยให้มีหมายจับออกมา ต้องขอชี้แจงว่าตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่ามีการแจ้งความที่สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่ามีการออกหมายเรียกผมให้เข้าไปพบช่วงปลายเดือน ม.ค. ก็ให้ทางผู้จัดการส่วนตัวเป็นคนไปพูดคุยและนัดอีกฝ่ายมาเจรจาตั้งแต่ต้น แต่พี่เขาก็ไม่มา โดยนัดหมายให้มาเจรจาไกล่เกลี่ยกันที่สภ.เมืองสมุทรปราการ นอกจากนี้ ยังพยายามที่จะพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์เพื่อหาข้อยุติเรื่องตัวเลขค่าลิขสิทธิ์ว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่ ซึ่งก็ได้เจรจาเกิดขึ้น แต่ยังหาตัวเลขตรงกลางไม่ได้ ตรงนี้ผมไม่ได้หนีไปไหนหากดูจากคิวงานของผมแล้ว หนีไปไหนไม่ได้หรอก” หนุ่ม กะลา กล่าว

นายณพสิน กล่าวต่อว่า “จริงๆ เรื่องที่เกิดขึ้นมีผลกระทบอย่างมาก เพราะตนต้องทำงานทุกวัน เรื่องสำคัญของการทัวร์คอนเสิร์ตคือต้องนอนให้พอ ผมต้องตื่นเร็วกว่าปกติ เพื่อมาโรงพักก่อนบางครั้งสอบเสร็จ 21.00 น. แล้วต้องขึ้นโชว์ 22.00 น. เวลาอาบน้ำแต่งตัวก็ไม่มี ก็จะทำให้เหนื่อยหน่อย แต่ก็ยอมรับผลที่เกิดขึ้น ต้องทำไปตามขั้นตอน ส่วนทางต้นสังกัดนั้นก็ได้พูดคุยให้คำปรึกษาตนอยู่ตลอดไม่ได้ทอดทิ้งอะไรผมเลย บางข่าวที่ออกมาว่าค่ายไม่มาดูแลจริงๆ แล้วไม่ใช่ ทางค่ายยังดูแลอยู่ ทั้งนี้ตนมองเรื่องนี้เป็นข่าวออกไปก็ดี อยากให้คนไทยตระหนักเรื่องของการลิขสิทธิ์ ขนาดศิลปินเองยังโดนฟ้องเหมือนกัน ทำให้สูญเสียเงินจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะกลับไปตรวจสอบว่ามีที่ไหนอีกบ้างที่ตนจะต้องเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งจะพยายามทยอยไปให้ครบทุกที่”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นนายณพสินและนายทวีทรัพย์ หลักคำ ผู้จัดการส่วนตัว เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนเจ้าหน้าที่จะพานายณพสินออกมาพิมพ์ลายนิ้วมือ หลังจากนั้นจึงเดินทางกลับ

ด้านพ.ต.ต.สมพร เปิดเผยว่า หลังจากที่ผู้ต้องหาเดินทางรับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อย และได้ปล่อยตัวกลับไป โดยไม่ต้องยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว เนื่องจากเป็นหมายเรียก อีกทั้งผู้ต้องหาไม่มีพฤติการที่จะหลบหนี ซึ่งหลังจากนี้ได้นัดให้มาพบอีกครั้งในวันที่ 2 เม.ย. เวลาประมาณ 10.00 น. เพื่อนำตัวส่งให้อัยการสั่งฟ้องในข้อหาตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ 2537 ในมาตราที่ 27 ที่กระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 15(5) ได้แก่การทำซ้ำหรือดัด แปลงและเผยแพร่ต่อสาธารณะ มาตรา 28 กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งแก่โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์หรือสิ่งบันทึกเสียงอันมีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต และ 29 (3) จัดให้ประชาชนฟังหรือชมงานแพร่เสียงแพร่ภาพ โดยเรียกเก็บเงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่นในทางการค้าต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน