เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 22 มี.ค. ที่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 กม. 242 ต.อุดมทรัพย์ อ. วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นจุดเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์นำเที่ยวเบรกแตก พุ่งข้ามเกาะกลางถนนชนต้นไม้และร้านค้าข้างทาง มีผู้เสียชีวิต 18 ศพ และบาดเจ็บ 32 ราย เมื่อคืนวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา บ่ายวันเดียวกันนี้เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทยได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งสภาพรถยนต์ และพื้นผิวการจราจรโดยรอบ เพื่อนำไปวิเคราะห์สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุดมทรัพย์ อำเภอวังน้ำเขียว ได้นำกรวยยาง มาวางปิดกั้นถนนฝั่งออกจากเมืองโคราช ให้รถวิ่งได้แค่เลนเดียวจากทั้งหมด 3 เลน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน โดยในช่วงเวลา 15.30 น. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม จะลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุด้วยตนเอง

รายงานข่าวเบื้องต้นทราบชื่อคนขับรถคือ นายกฤษณะ จุฑาชื่น ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรอเจ้าหน้าที่จากบริษัทนำเที่ยวเดินทางจาก จ.กาฬสินธุ์ ชี้ยืนยันตัวคนขับอีกครั้ง แต่จากการตรวจสอบคนเจ็บที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบา ไม่มีชื่อนายกฤษณะ จุฑาชื่น จึงคาดว่าน่าจะหลบหนีไปหลังเกิดอุบัติเหตุ

ต่อมาเวลา 12.30 น. นายกฤษณะ ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้ำเขียว ในสภาพมีบาดแผลถลอกตามแขนขา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา อ้างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมีความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก จึงใช้อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป ต่อมาได้สำนึกผิดประกอบกับบาดแผลเริ่มอักเสบทำให้เจ็บแผลมาก จึงตัดสินใจเข้ามอบตัว

ส่วนอุบัติเหตุเกิดจากระบบห้ามล้อชำรุดในระหว่างลงเขาวังน้ำเขียว ตนเองพยายามควบคุมรถ แต่ความลาดชันของเส้นทางทำให้ความเร็วของรถเพิ่มขึ้น สุดวิสัยที่จะบังคับควบคุมได้ ซึ่งตรงกับคำให้การของผู้โดยสารที่ได้กลิ่นเหม็นไหม้ที่ใต้ท้องรถและรถส่ายไปมาก่อนเกิดเหตุ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายกฤษณะ ไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาที่โรงพยาบาลวังน้ำเขียว นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนหาสาเหตุ กายภาพของถนนช่วงก่อนถึงจุดเกิดเหตุเป็นทางลาดชันและคดเคี้ยว ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปรับสภาพพื้นผิวเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุมาโดยตลอด

จากการสอบถามผู้บาดเจ็บที่พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.วังน้ำเขียว ระบุว่า รถโดยสารไม่ได้แล่นด้วยความรวดเร็วเกินกำหนด แต่ช่วงก่อนถึงจุดเกิดเหตุ 3 กิโลเมตร รถโดยสารแล่นไม่ตรงทาง ส่ายไปมา ผู้โดยสารส่วนหนึ่งทราบว่าระบบห้ามล้อไม่สามารถทำงานได้ ต้องเกิดอันตรายแน่นอน จึงพากันไปหลบอยู่ที่ใต้เบาะผู้โดยสาร ก่อนรถประสบอุบัติเหตุ

เบื้องต้นได้มอบหมายให้ขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ตรวจสอบความเร็วของรถโดยสารจากกล้องวงจรปิด พบว่าใช้ความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สันนิษฐานความเร็วก่อนหน้านี้น่าจะไม่ถึง 80 กิโลเมตร อุบัติเหตุจึงน่าจะเกิดขึ้นจากสภาพรถไม่สมบูรณ์

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน