เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ประชาชนข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา จากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เดินทางมาต่อคิวเพื่อรอเข้าถวายถวายบังคม พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นจำนวนมากเนื่องจากเป็นวันหยุด จนแถวยาวถึงฝั่งตรงข้ามศาลฎีกา และล้นเข้าไปในท้องสนามหลวง ฝั่งทิศเหนือ ที่เจ้าหน้าที่ได้นำเต็นท์มาตั้งเพื่อรองรับประชาชนจำนวนมาก ให้มีที่หลบแดดฝน และเป็นจุดพักคอยระหว่างต่อแถวรอเข้าถวายสักการะพระบรมศพ

s__4489259

ต่อมา พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เดินทางมาตรวจดูแลความเรียบร้อย กล่าวว่า เป้าหมายหลักในการปฏิบัติหน้าที่มี 3 ส่วน แบ่งออกเป็น 1.เรื่องจราจร 2.ความปลอดภัย 3.การบริการ ซึ่งการจราจรนั้น มีความจำเป็นที่ต้องปิดทั้งหมด 27 เส้นทางโดยรอบพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายหรืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทีการหารือกันมาโดยตลอด ซึ่งประชาชนกว่าร้อยละ 90 เดินทางมาผ่านระบบขนส่งมวลชน 2.ความปลอดภัย ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้มีพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์วันละ 4,000 คน ซึ่งปกติตัวเลขยืนยันในวันหยุดราชการจะมีประชาชนเดินทางมาวันละ 150,000 คนขึ้นไป แต่เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา

201611131324053-20030315183434

เมื่อนับจำนวนรวมผู้ที่มาร่วมพิธีพระราชทานปริญญาบัตรและเข้าถวายบังคมพระบรมศพจะอยู่ที่ประมาณ 140,000 คน อย่างไรก็ตาม ขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบด้วยว่าช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. คนค่อนข้างน้อย จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 20.30 น. แทบจะไม่ค่อยมีคนเหลืออยู่แล้วสามารถเดินทางมาได้ โดยจะต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อย

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีคดีอาชญากรรมเกิดขึ้น 2-3 ที่ผ่านมา ไม่ค่อยมีเกิดขึ้นในบริเวณโดยรอบที่ยังไม่มาถึงจุดคัดกรองที่มีการตรวจยึดของมีคม จึงทำให้ไม่มีเกิดเหตุในบริเวณที่ประชาชนมารอถวายบังคมพระบรมศพ เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยในพื้นที่ ต้องทำการตรวจค้นหมดทุกราย โดยใช้วิธีการอย่างสุภาพ ส่วนการดูแลบุตรหลานสามารถแจ้งตำรวจที่อยู่บริเวณโดยรอบทั้งสายตรวจเดินเท้า สายตรวจรถจักรยาน สายตรวจรถจักรยานยนต์ พบตำรวจที่ไหนแจ้งที่นั่นเขียนชื่อที่อยู่เบอร์โทรติดตัวบุตรหลานไว้ แม้แต่ผู้ใหญ่คนแก่ก็มีเดินพลัดหลงวันละประมาณไม่เกิน 10 คน ต้องช่วยกัน อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมืออย่านำทรัพย์สินมีค่ามา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโอกาสในการกระทำความผิด

“เมื่อวานประชุมตอนเย็นกำชับสั่งการให้ตำรวจนครบาลที่ปฏิบัติหน้าที่ ต้องกระตือรือร้นต้องทำงานด้วยใจ ทุกเวลาทุกคนต้องมาทำให้เป็นประโยชน์ ให้คำแนะนำบริการพี่น้องประชาชน ตรวจสอบกรณีเกี่ยวกับทรัพย์ชีวิต ต้องตรวจสอบข้อมูลการกระทำความผิดของบุคคลต้องสงสัยด้วย นอกจากนี้ ให้บริการประชาชนเข้าแถว 3-4 ชั่วโมง มีรถรับส่งวงเวียนรด. ไปถึงแยกผ่านฟ้า ผู้สื่อข่าวนักท่องเที่ยวต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน ทุกคนต้องถูกตรวจค้น โดยจะต้องอธิบายเหตุผลที่ผ่านมาได้รับความร่วมมืออย่างดี โดยอยากให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย ต้องทำให้ครอบคลุมทุกคน ทั้งนี้ ภารกิจของตำรวจทุกคนทำให้พื้นที่เหล่านี้ปลอดภัย พี่น้องประชาชนได้รับความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นนายตำรวจชั้นใด มีเกียรติเสมอเหมือนกันหมดที่จะรักษาบ้านเมืองตน เพื่อประส่วนรวมไม่ใช่ประโยชน์ของตัวเอง” ผบช.น. กล่าว

ผบช.น.กล่าวด้วยว่า ส่วนมาตราการดูแลความปลอดภัยช่วงวันลอยกระทงในวันที่ 14 พ.ย.นั้น สั่งการให้รองผบช.น.ลงพื้นที่สั่งการเฝ้าระวังตามจุดสำคัญ ซึ่งต้องมีการแจ้งให้ทราบว่าช่วงระหว่างนี้ห้ามไม่ให้มีการจัดงานลักษณะมหรสพ ที่มีการใช้เสียงดัง อาทิ จุดพลุ ประทัด รวมทั้งการจุดโคมลอยขอความร่วมมือไม่ให้จำหน่ายและจุด ส่วนกรณีเด็กแว้นได้สั่งการให้พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รรท.ผบช.น. ดูแลงานจราจรดูแลกรณีดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ถึงแม้ส่วนใหญ่จะมาช่วยงานจิตอาสาที่สนามหลวงแล้วก็ตาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่บริเวณเต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้ ฝั่งตรงข้ามประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาแสดงความอาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นำอาหาร ขนม ผลไม้ ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน

สำหรับเมนูอาหารพระราชทานแจกจ่ายประชาชน ประกอบด้วยมื้อเช้าเวลา 07.00 น. เกี๊ยวหมูน้ำใส 1,500 ถ้วย นมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อกลางวัน 11.00 น. ข้าวหมูแดง 1,000 ชุด ข้าวต้มมัดไฮโซ 1,000 ชิ้น ทอดมันปลาทะเล 500 กิโลกรัม ผัดหมี่ป้าน้อย 2,000 จาน เต้าฮวยฟรุ๊ตสลัด 1,000 ชุด ขนมฝักทอง 300 ชิ้น และร่ม 500 คัน มื้อบ่ายเวลา 16.00 น. ขนมไทย 1,000 กล่อง ข้าวเหนียวหมู-ไก่ทอด 1,000 ชุด ไข่ต้ม 450 แพ็ค มื้อเย็นเวลา 18.00 น.ข้างแกงส้ม ไข่ยางมะตูม 2,000 ชุด ผัดไท 1,000 น้ำดื่มสมุนไพร 500 ลิตร และน้ำดื่มจิตรลดาให้บริการประชาชนตลอดทั้งวัน

นอกจากนี้ ยังมีนักเรียนจากมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จำนวน 20 คน มาเป็นจิตอาสาคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่มาถวายบังคมพระบรมศพ ด้วยการเดินเสิร์ฟน้ำให้กับผู้ที่มาต่อแถวรอสักการะ และบริการเข็นรถเข็นให้กับผู้ป่วยและคนชรา

ทั้งนี้ นักเรียนทุนพระราชทานทุกรุ่นจะสลับผลัดเปลี่ยนกันมาประจำการ และคอยอำนวยความสะดวกที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ไปตลอดจนครบ 100 วัน โดยนักเรียนทุนทุกคนที่ได้รับคัดเลือกมาทำกิจกรรมจิตอาสาได้นั้น จะต้องส่งเรียงความเรื่องความประทับใจ โครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในจังหวัดของตัวเอง เพื่อให้คณะกรรมการของมูลนิธิคัดเลือกต่อไป

ส่วนบริเวณหน้ากรมศิลปากร รถหน่วยเคลื่อนที่เพื่อนพึ่ง (ภา) ช่วยด้วยใจคนไทยไม่ทิ้งกัน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในฐานะองค์นายกกิติมศักดิ์ตลอดชีพ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาติไทย ทรงรับสั่งให้เจ้าหน้าที่แจกจ่ายไก่ทอดและข้าวเหนียวให้แก่พสกนิกร โดยพสกนิกรเข้าแถวมารับอาหารกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้เตรียมไก่ทอดไว้ 1,300 กิโลกรัม และข้าวเหนียว 500 กิโลกรัม โดยมีคณะอาจารย์ และบุคลากร จากสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ในพระอุปภัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ จำนวน 20 คน และทหารจากกองพลทหารม้าครั้งที่ 2 จำนวน 10 นาย มาช่วยทอดไก่และบริการโดยรวม รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากสภากาชาดไทยมาช่วยห่อข้าวเหนียวไก่ทอดตลอดทั้งวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากวันนี้ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาม จะหยุดให้บริการแจกจ่ายอาหารเป็นวันสุดท้ายตามกำหนดการ และจะให้บริการแจกจ่ายอาหารอีกครั้งในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร (50 วัน) ถวายพระบรมศพ ระหว่างวันที่ 1-5 ธ.ค.2559 ซึ่งระหว่างนี้ยังมีเครือข่ายของมูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก อาทิ ศูนย์การเรียนรู้ต่างๆ เครือเดอะมอลล์ มาแจกจ่ายอาหารสำเร็จรูปในบริเวณจุดเดิมอย่างต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน