ค้นพบ เทอโรซอร์ ตัวแรกของไทย สัตว์เลี้อยคลานบินได้ร่วมยุคไดโนเสาร์ การูแดปเทอรัส บุฟโตติ อายุ 130 ล้านปี
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.ศิตะ มานิตกุล นักวิจัย สังกัดศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดเผยว่า ค้นพบพบกระดูกคล้ายขากรรไกรและฟันที่แหล่งพระปรง อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ในชั้นหินยุคครีเทเชียสตอนต้น อายุประมาณ 130 ล้านปี ภายหลังการอนุรักษ์ตัวอย่างในห้องปฏิบัติการจึงทราบว่าเป็นส่วนปลายของปากบน นำไปสู่ความร่วมมือของเครือข่ายนักบรรพชีวินวิทยาไทยและต่างชาติ
ทั้งมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กรมทรัพยากรธรณี มหาวิทยาลัยเซาเปาโล ประเทศบราซิล และมหาวิทยาลัยฉือเหอจือ ประเทศจีน และตีพิมพ์การค้นพบเทอโรซอร์สกุลใหม่ชนิดใหม่ของโลก อีกทั้งยังเป็นชนิดแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงในวารสาร Cretaceous Research เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา นับเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ค้นพบซากดึกดำบรรพ์ที่หาได้ยากในภูมิภาคบ้านเรา อีกทั้งยังเป็นการพบนอกภาคอีสานอีกด้วย
ขณะที่กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานว่า การค้นพบ “การูแดปเทอรัส บุฟโตติ” (Garudapterus buffetauti) เทอโรซอร์ชนิดใหม่ของโลกและเป็นชนิดแรกที่พบในประเทศไทย จากแหล่งซากดึกดำบรรพ์พระปรง จังหวัดสระแก้ว ซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลชิ้นสำคัญคือส่วนปลายขากรรไกรบนจากชั้นหินหมวดเสาขัว อายุราว 130 ล้านปี แม้เทอโรซอร์ไม่ใช่ไดโนเสาร์เจ้าแห่งพื้นดินแต่โดดเด่นไม่แพ้กันเพราะเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่วิวัฒนาการสามารถบินได้เป็นกลุ่มแรกของโลก ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ตัวเท่านกน้อยไปจนถึงสูงใหญ่เท่ายีราฟ
การค้นพบ “การูแดปเทอรัส บุฟโตติ” เป็นสกุลใหม่และชนิดพันธุ์ใหม่ของเทอโรซอร์ในระดับโลก และเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยตีพิมพ์ในวารสาร Cretaceous Research เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เทอโรซอร์ชนิดนี้จัดอยู่ในกลุ่มเทอโรแดคทิลลอยด์ (Pterodactyloidea) วงศ์นาโธซอรีน (Gnathosaurinae) มีลักษณะเด่นคือปลายปากแผ่กว้างคล้ายนกปากช้อน มีเบ้าฟันยื่นออกและฟันแหลมเรียว ซึ่งเหมาะสำหรับการจับปลา ความกว้างของปีกประมาณ 2.5 เมตร
นอกจากนี้ ชื่อ “การูแดปเทอรัส” มาจากคำว่า “การูแดปเทอรัส” (ปีกครุฑ) และ “บุฟโตติ” ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ ดร.เอริก บุฟโต นักบรรพชีวินวิทยาชาวฝรั่งเศสผู้มีบทบาทสำคัญต่อการศึกษาซากดึกดำบรรพ์สัตว์มีกระดูกสันหลังในประเทศไทยมากว่า 40 ปี ความสำคัญของการค้นพบนี้นอกจากจะเติมเต็มความเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศยุคครีเทเชียสแล้ว ยังช่วยขยายขอบเขตการกระจายทางภูมิศาสตร์ของเทอโรซอร์กลุ่ม Gnathosaurinae สู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
การค้นพบชิ้นส่วนกระโหลกของเทอโรซอร์นี้เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นส่วนกรามบนและค้นพบฟันอีก 5 ซี่ การค้นพบชิ้นส่วนกระโหลกเป็นสิ่งที่สำคัญมากเนื่องจากสามารถบอกจุดเด่นของของสัตว์ได้มากที่สุด” ดร.ศิตะ มานิตกุล นักวิจัยผู้ค้นพบซากดึกดำบรรพ์ต้นแบบจากหมวดหินเสาขัว ในพื้นที่แหล่งพระปรง อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ในชั้นหินยุคครีเทเชียสตอนต้น อายุประมาณ 130 ล้านปี
กลไกการบินที่อาศัยการเปลี่ยนแปลงทางกายวิภาคที่สำคัญ อย่างการวิวัฒน์กระดูกให้บางและเบา มีถุงลมแทรกอยู่ภายในคล้ายกับนก เพื่อช่วยลดน้ำหนักในการบิน นอกจากนี้ยังมีแผ่นปีกที่ขึงจากปลายนิ้วถึงลำตัว และกล้ามเนื้อที่แข็งแรงซึ่งช่วยในการกระพือและยกตัวขึ้นจากพื้น ด้วยโครงสร้างกระดูกที่เบาและเปราะบางเช่นนี้เอง ทำให้โอกาสที่เทอโรซอร์จะกลายเป็นซากดึกดำบรรพ์นั้นมีน้อยมาก ในประเทศไทยก่อนหน้านี้เคยมีรายงานการพบเพียงฟันเดี่ยวและกระดูกรยางค์ของเทอโรซอร์เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น การค้นพบขากรรไกรบนที่สมบูรณ์มากขึ้นในครั้งนี้ จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างในสายวิวัฒนาการ และแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของระบบนิเวศในยุคครีเทเชียสตอนต้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
แหล่งซากดึกดำบรรพ์อ่างเก็บน้ำพระปรง จุดเริ่มต้นของการค้นพบชากดึกดำบรรพ์สัตว์มีกระดูกสันหลังในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตอำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว เป็นแหล่งซากดึกดำบรรพ์สัตว์มีกระดูกสันหลังที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งเริ่มมีการค้นพบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2545 โดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติปางสีดาได้แจ้งพบกระดูกคล้ายไดโนเสาร์ที่บริเวณทางระบายน้ำฉุกเฉินของอ่างเก็บน้ำบ้านระเบาหูกวาง จากการสำรวจโดยกรมทรัพยากรธรณี พบซากกระดูกของไดโนเสาร์กินพืชกลุ่มซอโรพอด (Sauropod) และสัตว์มีกระดูกสันหลังอื่นๆ
เช่น ไดโนเสาร์กินเนื้อ เต่า จระเข้ ปลาน้ำจืด หอยน้ำจืด และล่าสุดคือเทอโรซอร์ Garudapterus buffetauti ซึ่งยืนยันถึงความหลากหลายของซากดึกดำบรรพ์ในพื้นที่นี้ การค้นพบครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า พื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทยมีศักยภาพในการศึกษาบรรพชีวินวิทยาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และยังนำไปสู่การค้นพบใหม่ๆ ที่จะช่วยต่อเติมภาพวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตในอดีตได้ชัดเจนขึ้นในอนาคต