คอลัมน์….ทดสอบ

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ไม่บ่อยครั้งนักที่‘ข่าวสด ยานยนต์’ จะได้ทดสอบรถยนต์เกียร์ธรรมดา เพราะทุกวันนี้ดูเหมือนว่า ใครๆ ก็อยากใช้แต่รถยนต์เกียร์อัตโนมัติกันทั้งนั้น ด้วยความสะดวกสบาย โดยเฉพาะที่ต้องใช้ในเมืองเป็นหลัก ทำให้เหลือรุ่นรถที่มีเกียร์ธรรมดาน้อยมาก หนึ่งในนั้นคือ‘ซูซูกิ เซียส’ รถอีโคคาร์ 4 ประตู ไซซ์บิ๊ก

โทรศัพท์เข้าไปขอยืมจากผู้บริหารหนุ่มมาดอบอุ่น‘วัลลภ ตรีฤกษ์งาม’กรรมการบริหารด้านการขาย และการตลาด ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย ปรากฏว่ามีรุ่นเกียร์ธรรมดาพอดี จึงไม่พลาดที่จะมานำเสนอให้แฟนานุแฟน นักเลงรถที่ไม่กลัวเมื่อยขาให้ได้รับทราบข้อมูลกัน

แต่ก่อนอื่นแจ้งข่าวสักนิดว่า ล่าสุด‘ซูซูกิ เซียส’ขึ้นครองอันดับ 1 ความพึงพอใจต่อรูปลักษณ์ สมรรถนะ และความสวยงามโดยรวมของรถยนต์ ในประเภทขนาดเล็ก (Compact Car) จากผลการศึกษาวิจัยสมรรถนะ ระบบปฏิบัติการ และการออกแบบรูปลักษณ์ของรถยนต์ในประเทศไทย ประจำปี 2559 โดย เจ.ดี.พาวเวอร์

นัดรับรถก่อนวันหยุดยาว ที่สำนักงานใหญ่ซูซูกิ ย่านอ่อนนุช ปรับตำแหน่งคนขับให้เข้าที่ กดปุ่มที่จอแสดงผลให้แจ้งข้อมูลอัตราสิ้นเปลือง ณ เวลานั้นแบบเรียลไทม์ ซึ่งนอกจากนี้ยังดูข้อมูลได้อีกหลายอย่างที่จำเป็น เช่น ระยะทางที่วิ่งได้จากน้ำมันที่เหลืออยู่ เป็นต้น

พร้อมออกเดินทางสิ่งที่ประทับใจแรกคือคลัชท์นิ่มมาก แถมการเข้าเกียร์ยังทำได้อย่างแม่นยำ บ่ายแก่ๆ วันนั้น รถราหนาแน่นกว่าปกติ ติดขัดสลับหยุดนิ่ง ตามกันไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกเครียดสักเท่าไหร่ ด้วยความที่เป็นรถขับสบาย อีกทั้งภายในโอ่โถง เพิ่มความสุนทรีย์ ด้วยการฟังเพลงโปรดที่ใส่ไว้ในแฟลทไดร์เชื่อมต่อกับเครื่องเสียงได้ทันที

วันรุ่งขึ้น ขับเล่นเชิล ชิล การจราจรไม่หนาแน่นมากนัก ทำความเร็วอยู่ที่ 90-110 กม.ต่อชม. เหลือบดูอัตราสิ้นเปลือง ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ 20 กม.ต่อลิตร ยิ่งจังหวะถอนเท้าจากคันเร่ง เผลอๆ ทุก 30 กม.ต่อลิตร ก็มีให้ได้เห็น ช่วงเย็นเดินทางไปนครสวรรค์ ระยะทางกว่า 200 กม. ที่ต้องทำความเร็วต่อเนื่อง ซูซูกิ เซียส ที่แม้เครื่องยนต์จะขนาดแค่ 1.25 ลิตร แต่ม้าหนุ่มสุดคึก 91 ตัวที่บรรจุอยู่ ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เรียกมาใช้งานได้ดั่งใจ ความเร็วปลายที่ทำได้ปริ่ม 160 กม.ต่อชม.

ช่วงล่างให้ทั้งความนิ่มนวล และหนึบแน่น ไม่ว่าจะบนย่านความเร็วสูง 130-140 กม.ต่อชม. ยังรู้สึกได้ถึงความมั่นคงของตัวรถ หรือแม้แต่จังหวะเร่งแซงเพื่อนร่วมทาง รวมถึงการเข้าโค้ง เชนจ์เกียร์รอแล้วชู้ตต่อไปได้ในทันใด ไม่มีอาการท้ายบาน พวงมาลัยให้ความแม่นยำสูง มีน้ำหนัก ช่วยให้ควบคุมตัวรถให้ไปตามต้องการได้ง่ายดาย

ขับกันไปเพลินๆ มีเสียงเตือนน้ำมันใกล้หมด พร้อมไฟโชว์ขึ้นมากดปุ่มเพื่อดูว่าได้ระยะทางไปเท่าไหร่ 648 กม. ถ้าให้วิ่งกันหมดถังน่าจะปริ่ม 700 กม. กดปุ่มอีกครั้งดูอัตราสิ้นเปลือง โชว์อยู่ที่ 18.5 กม.ต่อลิตร อุต๊ะ…ประหยัดไม่เบาน่ะนี่ ขับเนียนๆ ถังเดียวไปเชียงใหม่ได้สบาย

ดีไซน์ภายนอกเน้นความโอ่อ่าภูมิฐาน สอดคล้องกับขนาดที่ใหญ่โต ไฟหน้าแบบโปรเจ็คเตอร์ สอดรับกับกระจังหน้แถบห้าเส้น ที่มีโลโก้ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง กันชนหน้าขนาดใหญ่ เส้นสายด้านข้างไหลลื่นต่อเนื่องถึงท้าย ไฟท้ายเรียบหรู ต่อเนื่องเข้าไปถึงฝากระโปรง มองผาดๆ แล้วให้นึกถึงซีดานหรูชั้นดี จากฝั่งยุโรป

ภายในเน้นความเรียบหรู เติมอารมณ์สปอร์ตด้วยพวงมาลัย 3 ก้าน แม้จะเป็นวัสดุยูรีเทนแต่ให้ความนุ่มนวลกระชับมือคอนโซลหน้าดูกว้างเลือกใช้วัสดุสีดำตัดสีเงิน เครื่องเสียงรองรับการเล่นซีดี และเอ็มพี3 เชื่อมต่อกับช่อง USB และ AUX ที่ตัวเครื่องเสียง เบาะนั่งวัสดุผ้าให้ความรู้สึกนุ่มนวล โอบกระชับ ส่วนเบาะนั่งหลังหันไปถามผู้โดยสารได้คำตอบว่ากว้างเกิ๊น เหยียดขากันได้สุดๆ ช่องเก็บสัมภาระด้านท้ายใหญ่และกว้างพอให้ใส่ของได้อย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็นถุงกอล์ฟ หรือกระเป๋าเดินทาง

แม้จะเป็นรถอีโคคาร์ แต่ขนาดและสมรรถนะถือว่าไม่ได้‘อีโค’เลยแม้แต่น้อย แถมราคายังน่าคบอีกด้วย

ข้อมูลทางเทคนิค
แบบตัวถัง เก๋ง 4 ประตู

เครื่องยนต์ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VVT

ความจุ 1,242 ซีซี.

กำลังสูงสุด 91 แรงม้า/6,000 รอบฯ

แรงบิดสูงสุด 118 นิวตัน-เมตร/4,000 รอบฯ

ระบบรองรับ(หน้า) แม็คเฟอร์สันสตรัท

ระบบกัรองรับ(หลัง) ทอร์ชั่นบีม/คอยล์สปริง

มิติ(กว้างxยาวxสูง) 1,730×4,490×1,475 ม.ม.

ราคา 523,000 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน