‘โอซามุ มาสุโกะ’ มิตซูบิชิลุยลงทุนเพิ่ม
คอลัมน์ ข่าวสดยานยนต์
โอซามุ มาสุโกะ มิตซูบิชิลุยลงทุนเพิ่ม – แวะมาเยี่ยมเยียนดูแลธุรกิจในบ้านเรากันทุกปี ปีละครั้งสองครั้งบ้าง จนแทบจะเรียกว่าเป็นบ้านหลังที่ 2 ของ ‘โอซามุ มาสุโกะ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ด้วยเพราะฐานการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ ที่แหลมฉบัง จัดได้ว่าใหญ่ที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่น
ล่าสุดได้เปิดโอกาสให้นักข่าวไทยได้สัมภาษณ์พิเศษ และ ‘ข่าวสด ยานยนต์’ มีโอกาสได้เข้าร่วมด้วย
● แผนการลงทุนในไทย
เตรียมงบประมาณปรับปรุงโรงงานผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ แหลมฉบัง ครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี เพื่ออนาคต 20-30 ปีข้างหน้า ที่ผ่านการอนุมัติแล้ว คือโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ ใช้งบประมาณ 12,000 ล้านเยน สามารถลงทุนได้ทันที พร้อมกันนี้ยังได้พิจารณาที่จะลงทุนในส่วนของการนำเครื่องมืออัตโนมัติและหุ่นยนต์ คาดว่าจะสรุปได้ว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้างภายในเดือนก.ย.นี้ ใช้งบประมาณอีก 13,000 ล้านเยน ขณะที่ก่อนหน้านี้มีการลงทุนปรับปรุงโรงงานรองรับการประกอบรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริดอีกประมาณ 3,000 ล้านบาท
● ปลั๊ก-อินไฟฟ้าเริ่มขายเมื่อไหร่
ประเมินไว้ว่าจะเริ่มประกอบ และขายในประเทศไทยได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ปีละประมาณ 3,000 คัน แต่หากหน่วยงานภาครัฐให้การสนับสนุนผู้ใช้ มั่นใจว่าจะเพิ่มยอดขายได้อีกเป็นอย่างมาก เพราะหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย ได้รับการสนับสนุน อาทิ ภาษี หรือการให้สิทธิประโยชน์ด้านราคา
● ทำไมไม่ผลิตในไทย
การที่เรายังไม่ได้นำรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด มาผลิตในประเทศไทย เนื่องจากองค์ความรู้ในเรื่องของแบตเตอรี่ ซึ่งถือเป็นชิ้นส่วนหลักยังผลิตที่ญี่ปุ่น แต่ทั้งนี้อยู่ระหว่างพิจารณาที่จะนำมาผลิตในประเทศไทยด้วย เพียงแต่ต้องรอดูว่ารัฐบาลไทยมีความต้องการเผยแพร่ยานยนต์ไฟฟ้ามากน้อยเพียงใด
● สภาวะตลาดรถยนต์
สถานการณ์เศรษฐกิจโลกเมื่อปีที่แล้วไม่ดีอย่างที่ได้คาดการณ์กันไว้ และยังคงต่อเนื่องมาถึงปีนี้ เป็นผลกระทบจากสงครามการค้า นอกจากนี้ยังมีในเรื่องเบร็กซิตของอังกฤษ แต่เราเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ทำผลงานได้ตามเป้าหมาย และยังคงมีบทบาทที่สำคัญ
“อย่างไรก็ตาม มีความกังวลในเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างมาก ส่งผลกระทบกับกำไร-ขาดทุนของบริษัท เพราะรถยนต์มิตซูบิชิที่ผลิตในประเทศไทย 80% เป็นการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ขณะที่ต้องแข่งขันกับประเทศอื่นที่มีฐานการผลิตอยู่ด้วย”