ดีแมคซ์ไฮแลนเดอร์ตะลุย‘เชียงใหม่-เชียงดาว’ : ทดสอบ
ดีแมคซ์ไฮแลนเดอร์ – กว่าที่ค่ายตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จะนำรถปิกอัพสุดฮิต ‘อีซูซุ ดีแมคซ์’ ใหม่ มาจัดเพรสทริปซึ่งมีเป็นประจำทุกไตรมาส ต้องล่วงหลังจากเปิดตัวกันไปแล้ว 4 เดือนเต็มๆ
ด้วยเพราะไม่ว่าจะผลิตออกมาเท่าไหร่ ต้องเร่งส่งมอบให้กับลูกค้าที่จับจองเป็นเจ้าของกันอย่างล้นหลาม สมกับการเป็น เจ้าพ่อรถปิกอัพ ขวัญใจมหาชน
ทีมงานตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จัดเส้นทางจาก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ขึ้นไปยัง อ.เชียงดาว
แต่ละคันมีผู้สื่อข่าวร่วมทดสอบ 3 คน ได้รุ่น ‘ไฮ แลนเดอร์’ ขับสองยกสูงแบบ 4 ประตู ดูจากระยะทางแล้ว ‘ข่าวสด ยานยนต์’ อาสาเป็นผู้ขับในช่วงที่ 2 เพราะส่วนใหญ่เป็นทางเขา มีโค้งอยู่มากมาย น่าจะได้รับรู้สมรรถนะกันอย่างเต็มที่
ก่อนออกเดินทางมีเวลาให้สำรวจตรวจตราตัวรถได้พอควร
ออกแบบภายใต้แนวคิด ‘Bold but Emotional’ มิติที่ใหญ่และบึกบึน กระจังหน้าต่อเนื่องกับช่องดักลมขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกดุดันยิ่งขึ้น
ไฟหน้า Isuzu Vision Bi-LED พร้อมระบบเปิด–ปิดอัตโนมัติ ไฟ Multifunctional Daylight แบบ Built-in ไฟเลี้ยว และไฟตัดหมอก LED ดีไซน์เท่ที่กันชนหน้าขนาดใหญ่ ไฟท้าย Dual-Sonic LED
พร้อมออกเดินทางวนอ้อมไปนั่งที่เบาะหลัง ประตูเปิดได้กว้างและ ยังมีที่จับขนาดใหญ่บริเวณเสากลาง ขึ้นรถได้ง่ายขึ้น ซึ่งปกติทั่วไปต้องเอื้อมมือไปเหนี่ยวที่หัวเบาะนั่งด้านหน้า หรือมือจับที่หลังคารถ
เบาะนั่งกึ่งหนังแท้หนานุ่ม แต่ตัวที่นั่งค่อนข้างสั้นทำให้ไม่รองรับต้นขา ประกอบกับพื้นห้องโดยสารที่ชัน ท่านั่งคล้ายกับชันเข่านิดๆ ดีว่าพื้นที่วางขาด้านหน้ามีมากพอให้เหยียดเปลี่ยนอิริยาบถได้อย่างสะดวก
มีช่องแอร์ที่ท้ายคอนโซลกลางสำหรับเบาะนั่งด้านหลังโดยเฉพาะ พร้อมด้วยช่องชาร์จไฟแบบ USB
ช่วงล่างให้ความนุ่มนวลระดับหนึ่ง ตามบุคลิกลักษณะของการเป็นรถปิกอัพ ผ่านหลุมบ่อคอสะพานในความเร็วที่เหมาะสม อาการกระเด้งกระดอนแทบไม่มีให้รู้สึก
จังหวะเข้าโค้งรับรู้ได้ถึงแรงเหวี่ยงของท้ายรถอยู่พอสมควร ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะเป็นรถเปล่า ท้ายรถจึงค่อนข้างเบา
ได้เวลาว่าการขึ้นนั่งตำแหน่งคนขับ สะดุดความรู้สึกกับเบาะนั่งใหญ่โตโอบกระชับ ได้ความจากวิศวกรอีซูซุว่าแนวคิดการออกแบบมาจากชุดนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล ที่นอกจากความหนานุ่มแล้ว ยังต้องรู้สึกได้ถึงการปกป้องด้วย ฝั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง
มาตรวัดขนาดใหญ่มองเห็นชัดเจน พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลขนาด 4.2 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ที่จำเป็น
ตัวรถที่ยกสูงช่วยเพิ่มทัศนวิสัยการมองเห็นได้ไกลขึ้น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันขนาดใหญ่กระชับมือ ปรับได้ 4 ทิศทาง
คันเกียร์ดีไซน์ใหม่หรูหราทันสมัย หน้าจอที่กลางคอนโซลหน้าขนาด 9 นิ้ว เชื่อมต่อความบันเทิง รวมถึงระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย–ขวา
เครื่องยนต์ขนาด 1.9 ลิตร ดีดีไอ บลู เพาเวอร์ เจเนอเรชั่นที่ 2 พัฒนาขึ้นในทุกด้าน จังหวะออกตัวอาจจะไม่ถึงกับจี๊ดจ๊าดหลังติดเบาะ ซึ่งถือว่าเป็นปกติของเครื่องยนต์ดีเซลที่เน้นในเรื่องความประหยัด
แต่พอเริ่มลอยตัวทำความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง 120-130-140 ก.ม.ต่อชั่วโมงได้สบายมือ และยังให้ความรู้สึกหนึบแน่น
ไต่ความเร็วขึ้นไปอีกเป็นกว่า 160 ก.ม.ต่อช.ม. ตัวรถไม่ได้มีอาการสั่นไหวแต่อย่างใด
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ปรับเปลี่ยนได้กระชับนุ่มนวลไร้รอยต่อ จังหวะขึ้นทางเขาเส้นที่ไม่ชันมากเติมคันเร่งต่อเนื่องตัวรถผ่านไปได้ฉลุย
ส่วนทางที่ชันมากๆ หรือที่มีโค้งแคบในทางเขา รวมถึงทางลงลาดชัน ที่ควรใช้เกียร์ต่ำเปลี่ยนมาใช้เกียร์ในโหมดแมนนวล ดันไปด้านซ้ายเบาๆ ก็เปลี่ยนเกียร์ได้ดั่งใจกับตำแหน่งบวก–ลบ
ระบบความสะดวก ปลอดภัย มีมาให้ ล้นคัน อาทิ เซ็นเซอร์กะระยะ 8 จุด สบายใจได้แม้ขับในทางแคบ ระบบเตือนจุดอับสายตา ส่งสัญญาณเตือนที่มุมกระจก มองข้าง
รีโมตคอนโทรลหน้าตาธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา เพราะมีฟังก์ชันสตาร์ตเครื่องยนต์ และเปิดระบบแอร์ล่วงหน้า ด้วยการกดปุ่มวงกลมที่รีโมตคอนโทรลค้าง 5 วินาที ภายใต้เงื่อนไขว่ารถต้องล็อกอยู่ และระยะห่างไม่เกิน 20 เมตร
นอกจากนี้ระบบนี้ยังมีความปลอดภัย เพราะหากปลดล็อกรถเครื่องยนต์จะดับทันที ต้องสตาร์ตเครื่องยนต์ใหม่เต็มระบบจึงจะขับออกไปได้ สามารถตั้งระยะเวลาให้เครื่องยนต์ และแอร์ทำงานได้ตั้งแต่ 1 นาที สูงสุด 10 นาที
สนนราคาเริ่มต้นที่ 510,000-1.164 ล้านบาท
กิตติพงศ์ ศรีเจริญ
ข้อมูลทางเทคนิค
แบบตัวถัง ปิกอัพ 4 ประตู
เครื่องยนต์ DOHC 4 สูบดีดีไอ บลูเพาเวอร์
ความจุ 1,898 ซีซี
กำลังสูงสุด 150 แรงม้า/3,600 รอบฯ
แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน–เมตร/1,800-2,600 รอบฯ
ระบบรองรับ(หน้า) ปีกนก 2 ชั้น/คอยล์สปริง/โช้กอัพแก๊ส
ระบบรองรับ(หลัง) แหนบเหนือเพลา/โช้กอัพแก๊ส
มิติ(กว้างxยาวxสูง) 1,870 x 5,265 x 1,790 ม.ม.