มุมมอง‘กฤษฎา อุตตโมทย์’
‘โควิด’เขย่ายานยนต์ไฟฟ้า
มุมมอง‘กฤษฎา อุตตโมทย์’ ‘โควิด’เขย่ายานยนต์ไฟฟ้า – การแพร่ระบาดของโควิด-19 สร้างความเสียหายไปแทบทุกธุรกิจ รถยนต์เองก็โดนมิใช่น้อย ยอดขาย 3 เดือนแรกติดลบสาหัส
ปัญหาไวรัสยังส่งผลให้ราคาน้ำมันตกรูด ทำให้ผู้คนในแวดวงยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่กำลังได้รับความสนใจเริ่มกังวลว่าจะกระทบต่ออนาคตในเมืองไทย และทั่วโลกหรือไม่
นายกฤษฎา อุตตโมทย์ อุปนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยฝ่ายส่งเสริมการใช้ ระบุว่าการแพร่ระบาดของไวรัสมีผลกระทบแน่นอน ทั้งการหดตัวของเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่น เม็ดเงินลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเเละการวิจัยด้านยานยนต์มีแนวโน้มที่จะปรับลดลง
การลดขนาดของการลงทุนในตลาดที่ไม่ใช่ตลาดเป้าหมาย การหาวัตถุดิบจากผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ อาจทำได้ยากขึ้น และความเป็นไปได้ในการปรับปรุงโครงสร้างของระบบการจัดจำหน่าย เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ส่วนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวมโดยเฉพาะในส่วนของยานยนต์ไฟฟ้า จำเป็นต้องอาศัยมาตรการจากทางภาครัฐเข้ามาสนับสนุน ล่าสุดการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งชาติ กำหนดเป้าหมายภายในปี 2573 ประเทศไทยต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 30% ของปริมาณการผลิตทั้งหมด
คณะกรรมการได้มีข้อเสนอจัด ทำเเผนส่งเสริมการใช้รถยนต์ที่ปล่อยมลพิษต่ำเพื่อสร้างเเรงจูงใจให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า เเละกระตุ้นให้ผู้ประกอบการหันมาลงทุนมากขึ้น
“สำหรับในประเทศไทยนั้น ถือเป็นยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาค ดังนั้นควรเร่งส่งเสริมวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น”
นายกฤษฎากล่าวและว่านอกจากนี้การต่อยอดเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นจุดที่น่าสนใจในยุคนี้ เพื่อกระตุ้นตลาดให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง เทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้ายังมีทิศทางที่น่าจะเติบโตได้เร็วกว่าที่คิด โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาที่ไม่สูงมาก
ทางสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยเองนำเสนอ 8 ข้อเสนอเเนะเเนวทางการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าไทย กับหลายหน่วยงานของภาครัฐเมื่อปี 2562 เเละได้รับการตอบรับที่ดีในการนำข้อเสนอดังกล่าวไปปรับใช้ในเเนวทางการส่งเสริม
ถึงเเม้ตอนนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวลงก็ตาม แต่ในระยะยาวนั้นเชื่อว่าผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) หรือรถยนต์ไฟฟ้าเเบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เป็นกลุ่มผู้บริโภคใหม่ที่ให้ความสนใจในเรื่องสิ่งเเวดล้อม การมีส่วนช่วยลดมลพิษ เเละคนกลุ่มนี้จริงๆ เเล้วเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยในอนาคตนั้น ผู้ใช้รถยนต์พลังงานสะอาดเหล่านี้ จะมีส่วนในการสร้างวัฒนธรรมรูปเเบบการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เเล้วจะทำให้คนอื่นๆ ได้รับรู้ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อร่วมกันลดมลพิษในทิศทางเดียวกัน
กิตติพงศ์ ศรีเจริญ
