นับวันเทรนด์การขับรถลุยๆสไตล์‘ออฟโรด’ ได้รับความนิยมมากขึ้นๆ เห็นได้จากยอดขายรถลักษณะนี้ไม่ว่าจะเป็นปิกอัพ หรือรถปิกอัพดัดแปลง(พีพีวี) สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่การขับรถลุยป่า ลุยทางโหดๆ ไม่ใช่นึกจะไปก็ไป ต้องผ่านการอบรม ฝึกฝนเทคนิกการขับ รวมไปถึงเตรียมความพร้อมของร่างกาย และที่สำคัญไม่แพ้กันคือ‘อุปกรณ์’ต่างๆที่ต้องมีในทุกครั้ง ที่จะออกทริป

‘ฟอร์ด’จึงแนะแนะนำ 7 อุปกรณ์จำเป็นที่ผู้ขับขี่ควรมีติดรถสำหรับการผจญภัยแบบออฟโรด เพื่อความอุ่นใจและปลอดภัยสูงสุดในทุกการเดินทาง

1.ชุดกู้ภัย (Recovery Kit) นับว่าเป็นอุปกรณ์จำเป็นอย่างมาก หากอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องกู้รถเพื่อให้สามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้ ซึ่งชุดกู้ภัยควรถูกเก็บไว้ในที่ที่สามารถหยิบได้ง่าย เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ระบบการทำงานของประตูหรือหน้าต่างอาจเสียหาย ดังนั้น การมีชุดกู้ภัยไว้ใกล้ๆ ตัวจะช่วยให้เราสามารถแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที

2.ชุดอุปกรณ์ซ่อมล้อ (Wheel Repair Equipment) ล้อไม่ใช่เป็นเพียงหนึ่งในส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของรถ แต่ยังเป็นส่วนที่มีโอกาสเสียอยู่บ่อยครั้งเมื่อออกทริป ด้วยพื้นที่ห่างไกลและยากลำบากการรอความช่วยเหลือจึงอาจเป็นยากและเสียเวลามาก การมีชุดอุปกรณ์ซ่อมล้อและล้อรถสำรองติดรถไว้ พร้อมความรู้เบื้องต้นในการซ่อมและเปลี่ยนล้อ จะช่วยคุณได้เป็นอย่างมากเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ล้อคุณไปต่อไม่ได้

3.แผ่นรองล้อกันลื่น (Wheel Slip Pad) เมื่อต้องขับรถขึ้นไปบนทางลาดชันที่เต็มไปด้วยโคลนและลื่นมาก การติดแผ่นรองล้อกันลื่นไว้ก่อนเริ่มทริปจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น ปัจจุบันมีเทคโนโลยีตัวช่วยมากมายที่ปกป้องล้อรถให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นขณะขับขี่แบบออฟโรด เช่น ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ที่มาพร้อมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System) และระบบล็อคเฟืองท้ายแบบ Electronic Locking Rear Differential (LRD) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เอาชนะทุกความท้าทายในสภาพแวดล้อมแบบสมบุกสมบัน

4.ไฟส่องสว่างแบบ LED (Work Light) การแก้ปัญหาต่างๆ จำเป็นต้องใช้เวลา ในหลายๆครั้งทำกันท่ามกลางความมืด นอกเหนือจากไฟติดหัว (headlamp) เพื่อความสะดวกในการทำงานแล้ว การมีไฟส่องสว่างแบบ LED นั้น ยังช่วยเพิ่มแสงสว่างและทัศนวิสัยที่ดีขึ้น ช่วยให้เห็นสิ่งที่กำลังทำอยู่หรือกำลังซ่อมแซอยู่ได้ชัดเจน ฟอร์ด เรนเจอร์ ยังได้รับการออกแบบพิเศษด้วยไฟส่องสว่างกระบะหลัง เพื่อความสะดวกในการเก็บหรือหาสิ่งของในเวลากลางคืน ช่วยให้คุณมีแสงส่องสว่างตลอดทั้งคัน

5.รอกสลิงไฟฟ้า (Electrical Winch) ในเส้นทางออฟโรดที่อาจเต็มไปด้วยหลุมบ่อ และยิ่งการขับในฤดูฝนปัญหารถติดบ่อโคลน ตกหล่ม นับว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอๆ ระหว่างเดินทาง การนำรอกสลิงไฟฟ้าติดไปด้วยบนรถจะสามารถช่วยลากรถคุณขึ้นจากการติดหล่มได้ รอกสลิงไฟฟ้า ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่รถยนต์จึงควรใช้งานในขณะที่เครื่องยนต์สตาร์ทติดอยู่ และหากจะใช้ขณะดับเครื่องยนต์ ไม่ควรให้นานเกินไปเพราะจะทำให้แบตเตอรี่รถยนต์หมดได้ง่ายๆ

6.เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ขนาดพกพา (Jump Starter) กรณีที่รถสตาร์ทไม่ติดเนื่องจากแบตเตอรี่หมด เสื่อม หรืออ่อน ในป่าเขาและเส้นทางที่ยากลำบากอาจพึ่งพารถคันอื่นไม่ได้ การมีเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ขนาดพกพาติดรถไว้ จะช่วยให้สามารถเดินทางต่อได้

และ7.ถุงมือนิรภัย (Safety Gloves) อุปกรณ์อเนกประสงค์ที่เป็นประโยชน์สำหรับการซ่อมแซมในทุกสถานการณ์ เช่น เมื่อต้องซ่อมรถในที่ที่มีแสงน้อยหรือเปียกน้ำ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ถุงมือนิรภัยนั้นจะปกป้องมือของคุณให้ปลอดภัยจากสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ รวมถึงมุมแหลม มุมคม จากตัวรถที่ต้องเจอระหว่างการซ่อมแซมได้

ทั้งหมดนั้นคือ‘7 อุปกรณ์’ที่ควรมีติดรถเอาไว้ เพื่อแก้ปัญหาในยามฉุกเฉิน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน