พิสูจน์รถเล็กขับทางไกลไหวไหม – มีคำถามยิงเข้ามาที่ ‘ข่าวสด ยานยนต์’ อยู่บ่อยๆ ว่าอยากซื้อรถยนต์ขนาดเล็ก เพราะนอกจากราคา เข้าถึงง่ายแล้ว ยังกะทัดรัดคล่องตัวติดที่ ว่าถ้าวิ่งทางไกลจะไหวไหม เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่ารถเก๋งเล็ก ไปไหนก็ได้ หาโอกาสทดสอบกันดูสักคัน หันซ้ายแลขวา เห็นเจ้าซูซูกิ เซเลริโอ เก๋งเล็กที่สุดในตลาดมาตรฐานญี่ปุ่น สไตล์แฮชแบ๊ก เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร ไม่ติดเทอร์โบ

ตัดสินใจโทรศัพท์เข้าไปหาผู้บริหารหนุ่มแฟมิลี่แมน ‘วัลลภ ตรีฤกษ์งาม’ กรรมการบริหารด้านการขาย และการตลาดซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย ได้รับคำตอบให้เข้าไปรับตัวท็อปได้ในบัดดล

ภาพด้านข้างของ รถยนต์ ซูซูกิ เซเลริโอ คันสีแดง

จุดหมายปลายทางอยู่ที่จ.บึงกาฬ ระยะทางกว่า 700 ก.ม. ออกเดินทางในคืนก่อนหยุดยาวปีใหม่ แน่นอนว่าต้องเจอกับถ.มิตรภาพ อันแสนอบอุ่น เพื่อนร่วมทางคลาคล่ำเต็มทุกช่องทาง แบบชนิด ค่อยๆ ไป โดยเฉพาะตั้งแต่ก่อนเข้าสระบุรี

อาศัยว่าตัวเล็ก เห็นช่องว่าง หลบซ้ายหลีกขวาได้แบบไม่น่าเกลียด

กำลังเครื่องยนต์ที่ดูเหมือนมีกำลังอยู่ไม่มาก 68 แรงม้า แรงบิด 90 นิวตัน-เมตร ออกตัวแม้ไม่จี๊ดจ๊าด แต่ไม่ถึงกับอืดเป็นเรือเกลือ วางเท้าเบาๆ ตัวรถไหลไปได้แบบเนียนกริบ

จังหวะเร่งแซง คิกดาวน์ หรือกดปุ่มที่หัวเกียร์ เพื่อเข้าโหมดสปอร์ต เรียกกำลังมาใช้ปัจจุบัน ทันด่วน เสียงเครื่องยนต์ คำรามเกินกำลังมากไปหน่อย บางครั้งถึงกับแอบเครียดเล็กๆ แต่ก็น่ะเครื่องเล็กแค่นี้ ไม่ได้เหมาะกับการขับเร็วสักเท่าไหร่

หัวเกียร์ รถยนต์ ซูซูกิ เซเลริโอ

ช่วงล่างการเปลี่ยนเลน หรือเข้าโค้งบนย่านความเร็วสูง มีอาการโยนตัวอยู่บ้างเล็กๆ แต่ถ้าบนความเร็วที่เหมาะสมแทบไม่มีอาการหวิวให้ได้รู้สึก กว่าจะเริ่มทำความเร็วได้บ้าง ต้องรอจะ เข้าถึงจ.หนองคาย เพิ่มความเร็วจาก 90-100-110 ก.ม.ต่อช.ม. กำลังเครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลืองอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

เพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก เสียงลมเริ่มมี เข้ามาในห้องโดยสารให้ได้ยิน มากขึ้นตามความเร็ว วันนั้นทำความเร็วสูงสุด ไว้ที่ 160 ก.ม. ต่อช.ม. คือบอกว่าทำได้ แต่ไม่แนะนำ เพราะเครื่องยนต์มีอาการเครียดจนเกินไป

ภายในห้องโดยสารของรถยนต์ ซูซูกิ เซเลริโอ

จังหวะขึ้นลงทางลาดชัน นอกจากโหมดสปอร์ต จากการกดปุ่มหัวคันเกียร์แล้ว ยังดึงคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง L เพื่อใช้แต่เกียร์ต่ำ เหมาะอย่างยิ่งเวลาลงทางลาด เพื่อไม่ต้องแตะเบรกบ่อยๆ อันเป็นต้นเหตุของอาการ เบรกแตก

ภายในห้องโดยสารเรียบง่าย ดูจากภายนอกแล้วคิดว่าจะเล็ก แต่พอเข้าไปนั่งแล้วกว้างพอสมควร หลังคาสูงโปร่งช่วยให้ไม่รู้สึกอึดอัด เบาะหลังกว้างพอประมาณ ผู้โดยสารสูง 167 ซ.ม. น้ำหนัก 97 ก.ก. กับอีกคนความสูง 173 ซ.ม. หนักราว 59-60 ก.ก.

ด้านข้างของรถยนต์ ซูซูกิ เซเลริโอ คันสีแดง จอดอยู่ริมถนนติดแม่น้ำ

ประสานเสียงกันว่านั่งสบาย สบายกว่าซีดาน หรือ SUV บางคันเสียด้วยซ้ำ ..ซึ่งไม่เกินจริงเพราะลองเข้าไปนั่งแล้ว พื้นที่วางขากว้างอยู่ และเบาะนั่งค่อนข้างสูง รองรับต้นขา ทำให้ไม่ต้องชันเข่า คลายความ เมื่อยล้าไปได้ระดับหนึ่ง

ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ใส่กระเป๋าเดินทางแบบ 3 วัน 2 คืน สำหรับ 4 คน ยังมีที่เหลือให้ใส่อุปกรณ์แคมปิ้งได้อีกพอประมาณ

ด้านหลังรถยนต์ ซูซูกิ เซเลริโอ คันสีแดง

ขากลับวนเข้าจ.นครพนม ต่อเข้าจ.ขอนแก่นมุ่งหน้าเข้ากทม. ทริปนี้ทดสอบกันไป 7 วัน ขับรวมระยะทางกว่า 2,800 ก.ม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยน้ำมัน 4 ถัง อยู่ที่ 17.5-19.5 ก.ม.ต่อลิตรประหยัดได้ใจเลยทีเดียว

ราคาเริ่มต้นเกียร์ธรรมดา อยู่ที่ 328,000 บาท ไปจนถึงตัวท็อปที่นำมาทดสอบราคา 437,000 บาท แวะไปทดลองขับกันที่โชว์รูมซูซูกิทั่วประเทศ

เป็นเก๋งเล็กที่เหมาะทั้งขับในเมือง ด้วยความกะทัดรัด หรือจะขับข้ามจังหวัด ก็ไม่ได้น่าหวาดหวั่นว่าจะไปไม่รอด เพียงแต่แนะนำว่าค่อยๆ ไปเท่านั้นเอง – กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน