ขับ‘โจไลอ้อน’ไปแก่งกระจาน – ด้วยความที่เป็นค่ายน้องใหม่ ทำให้ ‘เกรท วอลล์ มอเตอร์’ (GWM) เร่งสร้างการรับรู้ กับนักเลงรถเมืองไทยกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งการสร้างแบรนด์ เพิ่มความเชื่อมั่น เปิดตัวพันธมิตร ดูแลลูกค้า รวมถึงเปิดตัวรถใหม่

ไม่ถึงขวบปีจัดไปแล้ว 3 รุ่น กับ 2 แบรนด์ ‘ฮาวาล H6’ กับ ‘โอรา กู๊ดแคท’ ซึ่งแต่ล่ะรุ่น ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น

โดยเฉพาะคันล่าสุดสิงห์โตอารมณ์ดี ‘ฮาวาล โจไลอ้อน’ (HAVAL JOLION) คอมแพ็ก SUV ไฮบริด มียอดจองติดลมบนอยู่พอประมาณ

และเพื่อให้รับรู้ถึงสมรรถนะการขับขี่ว่าเป็นอย่างไร ทีมงานการตลาดและประชาสัมพันธ์ GWM จัดทริปทดสอบ เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

ออกเดินทางกันแต่เช้าผู้โดยสารเต็มคัน 4 คน พร้อมสัมภาระกระเป๋าเดินทางคนละใบ วางในพื้นที่เก็บของด้านท้ายยังเหลือพอให้ใส่อุปกรณ์ แคมปิ้งครบชุด

ขึ้นนั่งตำแหน่ง คนขับ สัมผัสแรกคือเบาะนั่งนุ่มสบายแต่ไม่รองรับต้นขา คล้ายกับเทไปด้านหน้าทำให้เหมือนตัวจมหน่อยๆ

ทำให้ทัศนวิสัยการขับขี่ลดลงเล็กน้อย ดีว่ารูปร่างสูงทำให้ยังพอมองไปด้านหน้าได้เห็นการณ์ไกลอยู่บ้าง

มิติตัวถัง (กว้างxยาวxสูง) 1,841×4,472×1,619 ม.ม.

การตกแต่งภายในแบบ Two Tone เน้นสีขาวสะอาดตา ตัดด้วยลายเส้นสี Rose Gold หรือทองชมพู

หน้าจอกลางแบบ Touch Screen Audio Display ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple carplay, MP3, Joox และ Navigator เชื่อมต่อกับจอ แสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว

และยังมีหน้าจอ แสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า ไม่ต้องละสายตาจากถนน เพื่อความปลอดภัยมากขึ้น

กดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมออกเดินทาง เลือกโหมดการขับขี่ พร้อมทั้งน้ำหนักพวงมาลัยให้เสร็จสรรพ

เนื่องจากต้องเข้าไปจัดการที่หน้าจอกลาง ปรับเปลี่ยนระหว่างทางดูไม่ค่อยสะดวก

เกียร์แบบ DHT เป็นแบบหมุน บิดไปซ้ายเกียร์ถอย บิดมาขวา เดินหน้า เพื่อนร่วมคันบ้างว่าเก๋ดี แต่ส่วนตัวรู้สึกไม่ค่อยถนัด

ที่สำคัญเวลาเรียกกำลังจากเครื่องยนต์ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า ให้แรงบิดรวมสูงสุด 375 นิวตัน-เมตร

แม้จะดูว่ามากพอสมควร แต่เอา เข้าจริงยังไม่จี๊ดจ๊าดสักเท่าไหร่ ออกตัวไปได้แบบเรื่อยๆ

ส่วนจังหวะเร่งแซงได้แต่คิกดาวน์อย่างเดียว บางครั้งมีอาการหน่วงให้ได้รู้สึก

ดังนั้นเวลาเร่งแซงแนะนำให้เผื่อไว้สักนิด จะได้ไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อยใจ ถ้ามีแพดเดิลชิพไว้เชนจ์เกียร์ช่วย น่าจะดีกว่านี้เยอะ

ช่วงล่างนุ่มในแข็ง เทคโนโลยี GWM LEMON PLATFORM เน้นไปทางหนึบแน่นเหมือนรุ่นพี่ ฮาวาล H6 ให้ความนุ่มนวลอยู่บ้าง ทำความเร็วสูงไม่มีอาการหวิวให้ได้เห็น

ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลัง ทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโคลง เช่นกัน

เข้าโค้งบนความเร็วสูง มีแอบย้วยเบาๆ ส่วนถ้าเข้าบนความเร็วที่เหมาะสม เนียนกริบ ผ่านหลุมบ่อ คอสะพาน มีสะท้านเข้ามาให้ได้รับรู้แต่ไม่ได้มากมาย

เปลี่ยนตำแหน่งไปนั่งเบาะหลัง ตัวเบาะค่อนข้างต่ำทำให้นั่งแล้วรู้สึกตัวจมลงไปเยอะ เข่าชันเล็กน้อย ดีว่าพื้นที่วางขามากพอช่วยคลายความอึดอัดไปได้พอสมควร

นั่งว่างๆ ลองเล่นโหมดสั่งงานด้วยเสียง “สวัสดี ฮาวาล”

ระบบตอบรับทันที “ฉันฟังอยู่” จากนั้นสั่งงานต่างๆ เร่ง-ลด พัดลมแอร์ เปิด-ปิด หลังคาซันรูฟ เปิดกระจก ทำงานได้ ค่อนข้างเสถียร

สำรวจดีไซน์กันสักหน่อย รูปร่างสันทัด ตามแบบฉบับคอมแพ็ก SUV ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยวอยู่พอประมาณ กระจังหน้า Star Matrix สีดำ-เทา พร้อมโลโก้ตรงกลาง

ไฟหน้า LED ไฟส่องสว่างเวลากลางวันดีไซน์ล้ำสมัย มาพร้อมระบบ welcome light เมื่อปลดล็อกรถ และระบบ Follow Me Home ไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์

ไฟท้าย LED พร้อมไฟเบรกดวงที่สาม และไฟตัดหมอกหลัง หลังคาซันรูฟพาโนรามิก

ฮาวาล โจไลอ้อน มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย รุ่น TECH ราคา 879,000 บาท รุ่น PRO ราคา 939,000 บาท และรุ่น ULTRA ราคา 999,000 บาท

ถือได้ว่างานนี้ GWM ตั้งราคามาได้เร้าใจ นักเลงรถขาลุยอยู่ ไม่น้อยเลยทีเดียว

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน