ทดสอบ….กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

เสียงดัง เครื่องอืด เร่งไม่ขึ้น นี่คือคำจำกัดความของใครหลายคน เมื่อพูดถึงรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริง แต่ต้องบอกว่านั่นมันคืออดีต นำมาใช้กับ‘BMW 520d Sport’ไม่ได้เด็ดขาด

นัดรับรถกับ‘พี่ไหม’พิศมัย เตียงพาณิชย์ ผู้จัดการส่วนงานสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย กันที่สำนักงานใหญ่ อาคารออลซีซัน ย่านถ.วิทยุ รีโมทคอนโทรล อัจฉริยะ ที่มาภายใต้ชื่อ บีเอ็มดับเบิลยู ดิสเพลย์ คีย์ (BMW DISPLAY KEY) แสดงข้อมูลที่สำคัญของตัวรถไว้บนหน้าจอขนาดเล็ก เช่น น้ำมันที่มีอยู่รถจะวิ่งไปได้อีกกี่กิโลเมตร ตรวจดูสถานะว่ารถได้ล็อกเรียบร้อยแล้วหรือไม่ หรือแม้แต่สั่งให้รถเปิดแอร์ตามเวลาที่ระบุไว้ได้ล่วงหน้า

เข้าไปนั่งในรถสิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือตัวเลขตรงเกจ์น้ำมัน ระบุว่าเดินทางได้ 995 กม. อุต๊ะ…ถังเดียวเกือบ 1,000 กม. กันเลยทีเดียว จะจริงแท้ประการใดเดี๋ยวมาพิสูจน์กัน การจราจรย่านนี้ไม่ว่าช่วงเวลาไหน ถ้าไม่ติดขัดก็หนาแน่น ยิ่งบ่ายแก่ๆ วันศุกร์ก่อนวันหยุดยาว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสาหัสขนาดไหน ดีแต่ว่ากำลังจากเครื่องยนต์ของเจ้า BMW 520d Sport ที่เรียกมาใช้งานได้ตั้งแต่ตีนต้น หลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่ว ช่วยคลายความเครียดไปได้ระดับหนึ่ง

แต่ที่ช่วยลดความเหนื่อยล้าได้ไม่น้อยคือการออกแบบห้องโดยสาร ที่เน้นตกแต่งแบบเรียบหรู ติดตั้งชุดไฟเพิ่มบรรยากาศรอบคัน เบาะนั่งหนังแท้นั่งนุ่ม Dakota แบบสปอร์ต สีชานม นุ่มสบายโอบกระชับ พวงมาลัยแบบสามก้านหุ้มหนัง พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น หน้าจอทัชสกรีนขนาด 10.25 ที่คอนโซลหน้า สั่งงานได้หลากหลายรูปแบบ ผ่านปุ่ม iDrive Controller ที่คอนโซลกลาง

หรือจะสั่งงานแบบเท่ๆ ด้วยการปัดมือบนอากาศ หรือระบบ Gesture Control เร่งเบาเสียงเพลง หรือรับโทรศัพท์เมื่อมีสายเรียกเข้าก็ทำได้อย่างง่ายดาย

รุ่งขึ้นมีภารกิจเดินทางสองจังหวัด กรุงเทพฯ-นครสวรรค์-นครนายก แตะสายเอเชียกันแต่เช้ามืด รถรายังไม่มากนัก เริ่มต้นด้วยการเลือกโหมด ECO PRO ระบบจะคำนวณการทำงานของทุกอย่าง เครื่องยนต์ เกียร์ แอร์ ให้ใช้น้ำมันอย่างคุ้มค่าที่สุด หน้าปัดเรือนไมล์เปลี่ยนเป็นสีฟ้าสบายตา ไม่มีวัดรอบ มีเพียงบอกความเร็ว กับการใช้พลังงาน และการเก็บพลังงานจากการถอนคันเร่ง

ขับกันไปแบบชิล ชิล เผลอแป๊บเดียวเข็มไมล์ขึ้นไปแตะที่ 180 กม.ต่อชม. แบบไม่รู้ตัว ไหนๆ ก็มาไกลขนาดนี้แล้ว เลยเพิ่มน้ำหนักเท้าเข้าไปอีกดูความเร็วปลายกันไป ทะลุ 200 กม.ต่อชม. ได้แบบไม่มีเหนื่อยไม่มีท้อ

ปรับโหมดเป็นแบบสปอร์ต เครื่องยนต์และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ถูกเปลี่ยนให้ลากรอบยาวขึ้น เหมาะกับผู้ที่ชื่นขอบความเร็วแรง หน้าปัดเรือนไมล์ เปลี่ยนเป็นสีแดง และบอกความเร็วเป็นตัวเลขขนาดใหญ่ เร้าใจขาซิ่งไม่ใช่น้อย เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic ปรับเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง เพื่อเพิ่มความสนุก

บนย่านความเร็วสูงช่วงล่างเนียนเรียบ ไม่มีอาการสั่นไหวให้ได้รู้สึกเลยแม้แต่น้อย และรวมถึงจังหวะโยกแซง ตัวรถไม่มีอาการโยน หรือบานออกนอกเลน ที่สำคัญนอกจากความกว้างขวางซึ่งมีให้อย่างมากมายแล้ว ยังสะดวกสบายด้วยที่ท้าวแขนพร้อมที่วางแก้ว ม่านบังแดดที่ประตูหลัง และกระจกหลัง พร้อมช่องแอร์เพิ่มความเย็นฉ่ำสำหรับผู้โดยสารเบาะหลังโดยเฉพาะ

อยู่บนเจ้า BMW 520d Sport กันมาพักใหญ่ แทบไม่รู้สึกเลยว่ากำลังขับรถเครื่องยนต์ดีเซล เพราะไม่ว่าจะกำลังของเครื่องยนต์ที่นอกจากจะไม่อืดแล้ว บางครั้งยังต้องเบาน้ำหนักเท้าเสียด้วยซ้ำ เพื่อไม่ต้องเบรกบ่อย รวมถึงจังหวะที่ถอนเท้าจากคันเร่ง ถ้าเป็นเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไปตัวรถจะตื้อแทบจะทันที แต่กับเจ้า BMW 520d Sport หาเป็นเช่นนั้นไม่ ตัวรถยังพุ่งไปข้างหน้า

ส่วนเรื่องเสียงไม่ว่าจะเสียงเครื่องยนต์หรือเสียงลมที่เข้ามาในห้องโดยสาร กว่าจะได้ยินเล็ดลอดเข้ามาเล็กๆ เหลือบดูเข็มไมล์ ผ่าน 140 กม.ต่อชม. ไปแล้ว

ดีไซน์ภายนอกยังคงขับเน้นความภูมิฐาน แต่แฝงอารมณ์สปอร์ตไว้อย่างเต็มเปี่ยม กระจังหน้ารูปทรงไตคู่ อันเป็นเอกลักษณ์ เปิด-ปิด ให้อากาศไหลผ่าน เพื่อคลายความร้อนในห้องเครื่องยนต์ ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟตัดหมดที่กันชนหน้า ระบบปรับไฟสูงต่ำอัตโนมัติ เส้นสายหลังคาโค้งไปด้านหลัง ส่งผลให้ได้รูปลักษณ์คล้ายรถคูเป้

ทดสอบเสร็จสรรพกลับไปส่งรถคืน ระยะทางรวม 920 กม. ยังเหลือน้ำมันในถังวิ่งได้อีกกว่า 160 กม. อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ร่วมๆ 16 กม.ต่อลิตร ประหยัดได้ใจอยู่พอสมควร

เป็นหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ สำหรับใครที่ต้องการความหรูหรา แรงเร็ว และประหยัดไว้ในคันเดียว ทั้งพร้อมแพคเกจ BSI STANDARD บำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม. และรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย

สนนราคา 3,439,000 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน