เช็กด่วน รถ 8 ยี่ห้อ ที่ต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัย เสี่ยงเป็นถุงลมมรณะ อุบัติเหตุไม่ร้ายแรงแต่อาจถึงตายได้ พบในไทยมีรถเสี่ยงกว่า 6.8 แสนคัน
กลายเป็นประเด็นร้อนเมื่อ เฟซบุ๊กสภาองค์กรของผู้บริโภค จัดแถลงข่าว “ถุงลมนิรภัย อุปกรณ์ช่วยชีวิต หรือระเบิดเวลา !” ระบุว่าเป็นถุงลมนิรภัย ยี่ห้อ ทาคาตะ จากการตรวจสอบพบว่ารถยนต์ในไทยมากถึง 680,000 คันในปัจจุบัน ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อผู้ใช้อย่างมาก
ทำให้อุบัติเหตุที่ไม่ร้ายแรง เช่น การชนไม่หนัก แต่อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้จากการใช้ถุงลมดังกล่าว หลายประเทศทั่วโลกมีการเรียกคืนรถเกือบ 100 ล้านคัน เพื่อเปลี่ยนถุงลมนิรภัยตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา
การเรียกคืนถุงลมนิรภัยในไทย
นายสุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เผยว่า ไทยดำเนินการเรียกคืนตั้งแต่ปี 2556 และในปี 2561 ได้ร่วมมือกับ กรมการขนส่งทางบก ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถยนต์รุ่นที่ถูกเรียกคืน สามารถเข้าไปรับบริการเปลี่ยนชิ้นส่วนถุงลมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งค่าอะไหล่และค่าแรงในการเปลี่ยน
สำหรับในประเทศไทย จากการตรวจสอบพบรถที่มีถุงลมนิรภัยบกพร่องทั้งสิ้น 1,725,816 คัน ในปี 2561 หลังจากมีการติดตามการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถแก้ไขชุดถุงลมนิรภัยไปได้จำนวน 1,045,336 คัน คิดเป็นร้อยละ 60.6 แต่ยังคงเหลือรถอีกจำนวน 680,480 คัน ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนถุงลมนิรภัย
ยี่ห้อและรุ่นรถยนต์ที่ต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัย
ประกอบด้วย 8 ยี่ห้อ ได้แก่ ฮอนด้า บีเอ็มดับเบิลยู นิสสัน โตโยต้า มิตซูบิชิ มาสด้า เชฟโรเลต และฟอร์ด มีหลายรุ่นดังที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยอันตรายยี่ห้อดังกล่าว และอยู่ในประเทศไทยมากว่า 10 ปี ส่วนใหญ่รถที่มีปัญหา ผลิตช่วงปี 2015 – 2019
วิธีตรวจสอบรถที่ต้องเปลี่ยนถุงลม
ตรวจสอบทางออนไลน์
ผู้บริโภคคลิกที่ลิงก์เพื่อตรวจสอบยี่ห้อ และรุ่นรถยนต์ ได้ที่เว็บไซต์เช็กแอร์แบ็ก คลิกเลือกยี่ห้อรถยนต์ และนำตัวเลขตัวถังของรถกรอกเพื่อค้นหา หากเข้าข่ายที่ต้องเปลี่ยนให้ติดต่อกับศูนย์บริการรถยนต์ที่คุณใช้อยู่ นัดวันและเวลาเพื่อนำรถเข้ารับบริการ และนำรถเข้ารับการเปลี่ยนถุงลมนิรภัยกับศูนย์บริการ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ
ตรวจสอบทางออฟไลน์
สามารถนำรถเข้าไปที่ศูนย์บริการทุกสาขา หรือติดต่อผ่านฝ่ายบริการลูกค้าทางโทรศัพท์ (Call Center) ของแต่ละบริษัทรถยนต์ หรือติดต่อสายด่วน 1584 สอบถามข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง
สาเหตุการเสียชีวิตจากถุงลมทาคาตะ
นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สาเหตุเกิดจากเมื่อรถชนด้านหน้าแล้วถุงลมนิรภัยทำงานผิดพลาด จะมีเศษชิ้นส่วนขนาดใหญ่แตกกระเด็นด้วยความเร็วสูง ทำให้เศษเหล่านั้นพุ่งใส่คนขับรถบริเวณหน้าอกหรือลำคอ แม้การชนจะไม่รุนแรง แต่ความอันตรายของเศษชิ้นส่วนดังกล่าว สามารถทะลุได้ถึงกระดูกสันหลังและทำให้ตายได้ทันที
