นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท. ประมาณการยอดผลิตรถยนต์ปี 2566 อยู่ที่ 1,950,000 คัน เพิ่มขึ้น 3.53% จากปี 2565 ที่ผลิตได้ 1,883,515 คัน แบ่งเป็นยอดผลิตเพื่อส่งออก 1,050,000 คัน เพิ่มขึ้น 1.22% จากปีก่อนอยู่ที่ 1,037,317 คัน และเป็นยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 900,000 คัน เพิ่มขึ้น 6.36% จากปีก่อนอยู่ที่ 846,198 คัน เนื่องจากปัจจัยบวกจากการส่งออก จีนเปิดประเทศ ทำให้การค้าและท่องเที่ยวทั่วโลกรวมถึงไทยจะฟื้นตัว ปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) เริ่มคลี่คลาย และเศรษฐกิจไทยยังเติบโตระดับ 3%
“ก่อนหน้านี้ประมาณการยอดผลิตรถยนต์ปี 2566 อยู่ที่ 1.85-1.95 ล้านคัน เพราะขณะนั้นยังไม่มีตัวเลขการผลิตของเดือนธ.ค. 2565 แต่ตอนนี้ได้ตัวเลขแล้วจึงสรุปเหลือตัวเลขเดียวที่ 1.95 ล้านคัน เพราะปี 2565 ยอดผลิตรถยนต์ได้เกินเป้าหมายแรกที่ตั้งไว้ก่อนโควิดที่ 1.85 ล้านคัน และมองว่ายังเติบโตได้ เพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกยังแค่ชะลอตัวไม่ถึงกับถดถอย ซึ่งคงต้องติดตาม แต่หากถดถอยจริงก็คงจะมีการปรับเป้าอีกครั้งกลางปี โดยส.อ.ท. มองส่งออกปีนี้เริ่มใกล้เคียงกับปี 2562 ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ที่เคยผลิตเพื่อส่งออกได้ 1,054,000 คัน”นายสุรพงษ์ กล่าว
โดยภาพรวมยอดผลิตรถยนต์ปี 2565 ทั้งปีผลิตได้ 1,883,515 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.73% เป็นยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 1,000,256 คัน เพิ่มขึ้น 4.28% ซึ่งนับว่าไทยมีการส่งออกรถยนต์ทะลุ 1 ล้านคันอีกครั้ง ขณะที่ต้องติดตามปัจจัยลบที่อาจเผชิญกับความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ย ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่า
ส่วนยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศปี 2565 อยู่ที่ 849,388 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.89% ทั้งนี้ ต้องติดตามปัจจัยลบเรื่องการขาดแคลนชิปบางรุ่น การลงทุนและการจ้างงานอาจกระทบกับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกที่ชะลอ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับยอดผลิตรถยนต์ในเดือนธ.ค. 2565 อยู่ที่ 158,606 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 2.75% เพราะได้รับชิปเพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดขายเดือนธ.ค. 2565 อยู่ที่ 82,799 คัน ลดลงจากปีก่อน 9.02% เพราะขาดชิ้นส่วนชิปของรถยนต์บางรุ่นและปัญหาน้ำท่วมบางพื้นที่ ส่วนยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จเดือนธ.ค. อยู่ที่ 111,605 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.17% สูงสุดในรอบ 3 ปี 9 เดือน
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) จดทะเบียนใหม่ (ป้ายแดง) เดือนธ.ค. 2565 อยู่ที่ 1,242 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 820% และตลอดปี 2565 (ม.ค.-ธ.ค.) มีทั้งสิ้น 9,583 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 393.5% แบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) จดทะเบียนใหม่ 20,815 คัน เพิ่มขึ้น 274.64% ยานยนต์ไฟฟ้าแบบผสมไฮบริด (HEV) 64,035 คัน เพิ่มขึ้น 78.91% เป็นรถไฟฟ้าแบบไฮบริดปลั๊กอิน (PHEV) 11,331 คันเพิ่มขึ้น 60.50%
