แม้จะคลาดกันไปกับทริปทดสอบ ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ๊ก ใหม่ เก๋งเล็กแบบ 5 ประตูที่จัดกันไปก่อนหน้านี้ แต่ถึงกระนั้นผู้บริหารสาว ‘คุณต้อม’ ศิริพร ศรีสุข ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมการตลาด ฮอนด้า ออโตโมบิล ไม่รอช้า จัดรถให้ ‘ข่าวสด ยานยนต์’ ได้ทดสอบกันโดยพลัน
นัดรับรถที่ศูนย์ตรวจสอบรถใหม่ก่อนส่งมอบ ย่านบางชัน ได้รุ่น SV หรือตัวรองท็อป เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร วีเทค เทอร์โบ สีเทาโซนิค เทาอมฟ้า ทำให้ตัวรถดูสว่าง และเท่ขึ้นอย่างมาก
ดีไซน์ภายนอกกันชนหน้า กันชนหลังดีไซน์ใหม่ กระจังหน้าโครเมียม ไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ฝาครอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ ปรับ พับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว เสาอากาศครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถ ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วแบบทูโทน
ภายในเน้นสีดำ วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้ และหนังสังเคราะห์ตกแต่งด้วยแถบสีเทา คอนโซลหน้าสีดำเปียโน แบล็ก มือจับประตูด้านในตกแต่งโครเมียม
และที่ค่ายฮอนด้าภูมิใจอย่างมากกับเจ้า ซิตี้ แฮตช์แบ๊ก คือ การพับปรับเบาะแถวสองแบบ 60:40 ที่ทำได้ 4 โหมด ตามลักษณะการใช้งาน Utility Mode ปรับพับเบาะแถวสองทั้งสองด้าน พับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ
Long Mode ปรับเบาะผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลังตรงกัน สำหรับสัมภาระแนวยาว เช่น เซิร์ฟบอร์ด หรือท่อน้ำประปา Tall Mode ปรับดึงเบาะด้านหลังขึ้น ทำให้ได้พื้นที่เก็บสัมภาระแนวสูง
และ Refresh Mode เพื่อการพักผ่อน ดึงหมอนรองศีรษะฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าออก ดึงเบาะนั่งมาให้ชิดด้านหน้าแล้วปรับพนักไปด้านหลัง เชื่อมต่อกับเบาะแถวสองในระนาบเดียวกัน จะใช้นอน หรือนั่งเหยียดขายาวปล่อยอารมณ์ ให้นึกไปว่านั่งอยู่บนโซฟาสุดหรูก็มิปาน
การจราจรย่านนั้นแม้จะไม่ถึงติดขัดหยุดนิ่ง แต่เพื่อนร่วมทางก็คลาคล่ำเต็มถนน ดีว่าเจ้า ซิตี้ แฮตช์แบ๊ก มีความคล่องตัวสูง ทั้งขนาดกะทัดรัดและท้ายสั้น เปลี่ยนเลนไปมาได้อย่างสบายมือ
เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร วีเทค เทอร์โบ มีม้าหนุ่มสุดคะนองอยู่ 122 ตัว แรงบิด 173 นิวตัน-เมตร เลือกโหมดประหยัด (ECON) เพียงพอกับการใช้ในเมือง ไม่ว่าจะจังหวะออกตัวหรือเร่งแซง แม้จะไม่แรงหลังติดเบาะ แต่ก็ไม่มีอาการอืดอาดให้ได้เห็น
เช้าวันรุ่งมุ่งหน้าสู่ จ.ลพบุรี ออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่ รถไม่มาก เลือกโหมดขับขี่นอร์มอล ความรู้สึกกระชับขึ้นมานิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโหมดประหยัด การตอบสนองคันเร่งเร็วขึ้น เข็มไมล์ไต่ขึ้นต่อเนื่อง จัดไปเกือบทะลุ 180 ก.ม.ต่อช.ม.และยังมีให้ไปต่ออีกพอประมาณ
ช่วงล่างนิ่งไม่มีหวิวหรือสั่นไหว ด้วยตัวรถที่ค่อนข้างเตี้ย รวมถึงเวลาเข้าโค้ง ทำได้อย่างมั่นคง รับรู้ถึงแรงเหวี่ยงเล็กๆ แม้จะเข้าที่ความเร็วสูงก็ตาม เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ขึ้นอีกมาก
ความนุ่มนวลมีมาให้ระดับหนึ่ง ไม่ถึงกับนุ่มมาก คือมีความหนึบแน่นตามแบบฉบับรถสปอร์ต แฮตช์แบ๊ก เสียงลมที่เข้ามาในห้องโดยสารมาค่อนข้างเร็ว 110 ก.ม.ต่อช.ม. เริ่มรู้สึกได้ แต่ไม่ได้รุนแรง จะชัดเจนมากเมื่อทำความเร็วสูง ซึ่งมาพร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่ติดขึ้นต่อเนื่อง
กลับมาใช้โหมดประหยัดเพราะดูแล้วเหมือนโหมดนอร์มอล เครื่องยนต์ทำงานปั่นไฟเร็วกว่ามาก ที่สำคัญอัตราเร่ง หรือความแรงไม่ได้ต่างกันจนเห็นได้ชัดเจน ใช้ความเร็ว 100-110-120 ต่อเนื่องแทบตลอดเส้นทาง
ถนนโล่งๆ ลองใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ทำความเร็วตามคันหน้าแบบไม่ต้องแตะคันเร่งหรือเบรก ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบใช้ เพราะอยากควบคุมรถด้วยตัวเอง เพื่อความมั่นใจมากกว่า แต่หลายคนอาจชอบเพราะช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าไปได้บ้าง
เสียงเตือนน้ำมันใกล้หมดถังดังขึ้น เหลือบดูตัวเลขขับไปแล้ว 514.6 ก.ม. อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 16.4 ก.ม.ต่อลิตร แม้ค่อนข้างห่างจากสเป๊กที่แจ้งไว้ว่าอัตราสิ้นเปลือง 23.3 ก.ม.ต่อลิตร
แต่ก็นะตัวเลขเคลมกับที่ใช้จริงไม่เคยตรงกันอยู่แล้ว ตัวเลขเท่านี้ถือว่าทำได้น่าประทับใจแล้ว ในระดับเครื่องยนต์เทอร์โบ วิ่งบนถนนมีทั้งรถติดในเมืองและทำความเร็วนอกเมืองแบบที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ส่วนสนนราคาค่าตัวของเจ้า ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ๊ก 1.0 ลิตร เทอร์โบ รุ่น SV คันนี้อยู่ที่ 679,000 บาท และยังมีให้เลือกอีก 2 รุ่น ตัวท็อป รุ่น RS ราคา 749,000 บาท หรือจะรุ่นเริ่มต้น รุ่น S+ ราคา 599,000 บาท เลือกกันได้ตามการใช้ชอบ
กิตติพงศ์ ศรีเจริญ