เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการทั้งความแรงและประหยัด สำหรับค่ายซูซูกิ พลันที่เปิดตัว ซูซูกิ XL7 ไฮบริด ใหม่ ครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่ง ขวัญใจนักเลงรถครอบครัว หัวใจสีเขียว ที่ชอบเดินทางเป็นหมู่คณะ
และเพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายรับรู้ถึงสมรรถนะ รวมถึงความประหยัดที่มากขึ้นกว่ารุ่นเดิม ผู้บริหารหนุ่มมาดอบอุ่น ‘วัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย’ นำทีมจัดทริปทดสอบกันบนเส้นทางกรุงเทพฯ-จ.ราชบุรี
นัดเจอกันกลางเมืองช่วงเช้า ย่านสาทร ขับกันคันละ 4 คน พร้อมกระเป๋าเดินทาง 4 ใบ ในวันฝนตกหนัก เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ทดสอบความคล่องตัวกับการจราจรติดขัด ก่อนออกนอกเมือง
ด้วยความสูงในแบบรถครอสโอเวอร์ มองผ่านรถคันหน้าไปได้หลายคัน ช่วยให้ประเมินสถานการณ์ได้ดีว่าควรอยู่เลนไหนจึงจะไปได้ไวกว่ากัน ประกอบกับขนาดกะทัดรัด โยกซ้าย แซงขวาได้อย่างคล่องตัว แม้จะมีเพื่อนร่วมทางใหญ่น้อยเต็มถนน
ขุมพลังเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตร มอเตอร์ ISG ซึ่งเข้ามาทำงานหลังจากขับไปแล้ว 5 ก.ม. หน้าที่หลักของมอเตอร์คือเข้ามาช่วยเสริมแรง ไม่ว่าจะช่วงออกตัว หรือเร่งแซง ไม่ต้องใช้กำลังจากเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว ขณะที่เกียร์ยังเป็นตัวเดิมแบบ 4 สปีด
ออกนอกเมืองการจราจรจะเริ่มคล่องตัว แต่สายฝนยังลงแบบฉ่ำๆ ถนนค่อนข้างลื่น ลองทำความเร็วเหมือนตัวรถจะหวิวๆ อยู่บ้าง โดยเฉพาะเวลาวิ่งผ่านน้ำ อาการเหินน้ำมีให้ได้รู้สึก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความสูงของตัวรถ เลยกลับมาทำความเร็วปกติที่ 90-110 ก.ม.ต่อช.ม. อาการที่ว่าหายเป็นปลิดทิ้ง แถมยังไปได้แบบเนียนๆ
Advertisement
เข้าเขตจ.ราชบุรี ฝนขาดเม็ด ถนนเริ่มโล่งไม่รอช้า จัดหาความเร็วปลายกันเสียเลยน่าจะดีกว่า กดคันเร่งหนักขึ้น เข็มไมล์ไต่ระดับ 120-130-140 ก.ม.ต่อช.ม. แม้จะขึ้นไม่เร็ว แต่ขึ้นนะ ไปสุดอยู่ที่ปริ่ม 160 ก.ม.ต่อช.ม.
ระหว่างทำความเร็วสอบถามผู้โดยสารเบาะหลังถึงอาการรถ ได้คำตอบว่าช่วงถนนเปียกตอนฝ่าฝนมีความหวิวอยู่บ้าง แต่บนถนนแห้งรู้สึกมั่นคงดี
ช่วงล่างหน้าแม็กเฟอร์สัน สตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง หลังทอร์ชั่น บีม พร้อมเหล็กกันโคลง ความนุ่มนวลมีมาให้พอประมาณตามแบบฉบับรถครอสโอเวอร์ แต่ไม่ถึงกับกระด้าง
จังหวะไต่ทางชันเส้นจ.ราชบุรี คิกดาวน์เพื่อเรียกกำลังมาใช้งานแบบทันใจ แต่ถ้ายังไม่พอยังมีตำแหน่งเกียร์ 2 คือรถจะวิ่งอยู่สูงสุดที่เกียร์ 2 สำหรับเส้นทางที่ต้องใช้กำลังมากๆ แต่นั่นต้องแลกมากับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเข้ามาในห้องโดยสารค่อนข้างชัด ส่วนวิ่งปกติทั่วไปเสียงที่เล็ดลอดเข้ามาถือว่าทำได้ดี แม้ตัวรถจะสูงแต่เสียงมาแผ่วๆ ที่ความเร็วเกิน 110 ก.ม.ต่อช.ม.ไปแล้ว
แพลตฟอร์ม HEARTECT ให้ความมั่นคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจังหวะเข้าโค้ง หรือเปลี่ยนเลนกะทันหัน แรงเหวี่ยงมีอยู่บ้าง แต่กลับลำมาตั้งตรง ไปต่อสวยๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ถึงเวลาสลับไปนั่งเบาะหลังบ้าง ตำแหน่งเบาะนั่งแถวสองค่อนข้างสูง ทำให้นั่งได้สบาย เพราะเข่าไม่ชัน และพื้นที่วางเท้ามีให้เหลือเฟือ แม้นั่งทางไกลก็ไม่ได้ทำให้เมื่อยล้าแต่อย่างใด
มองไปที่เบาะแถวสาม เอาจริงก็เข้าไปนั่งได้นะ แต่คงแค่ช่วงสั้นๆ ประมาณว่าเหมาะพาเพื่อนร่วมงานไปกินกลางวัน หรือไม่อย่างนั้นไปกัน 4 คนแบบนี้ พับเบาะลง เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้อีกมากโข
ดีไซน์ภายนอกไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม มีเพิ่มเติมภายในให้เห็นว่าเป็นรุ่นไฮบริด โดยเฉพาะแผงหน้าปัด ออกโทนสีฟ้าจากเดิมเป็นสีแดง พร้อมมีการแสดงการทำงานของระบบไฮบริด พร้อมเพิ่มความสะดวกสบายด้วยระบบไฟหน้าแบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ
ก่อนลงจากตำแหน่งผู้ขับขี่ ตรวจดูระยะทางและอัตราสิ้นเปลืองกับระยะทาง 180 ก.ม. อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ร่วม 13 ก.ม. ต่อลิตร แต่ถือได้ว่าเป็นรถครอสโอเวอร์ที่ประหยัดอยู่พอสมควร จากลักษณะการขับขี่ ที่ทั้งทำความเร็ว เร่งแซง ไต่ทางชัน รวมถึงติดขัดในเมือง ครบทุกแบบของการใช้งานจริง ยิ่งถ้าเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์ประหยัดขึ้นร่วม 20% เลยทีเดียว
นักเลงรถหัวใจสีเขียวที่ชอบการเดินทางแบบหมู่คณะ แวะไปสัมผัสพร้อมทดลองขับ พิสูจน์สมรรถนะ ความแรงที่เพิ่มขึ้น และอัตราสิ้นเปลืองที่ดีขึ้น ว่าคุ้มค่าคุ้มราคากับค่าตัว 799,000 บาทหรือไม่ ได้ที่โชว์รูมซูซูกิทั่วประเทศ
กิตติพงศ์ ศรีเจริญ