กว่าจะได้คิวนำเจ้ามิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี (Xpander Cross HEV) รถครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่งมาทำการทดสอบได้ ใช้เวลารออยู่นานพอสมควร ด้วยความร้อนแรงจากความสดใหม่ของพลังงานไฮบริด และโหมดการขับขี่ ที่มีให้เลือก 7 โหมด จนกลายเป็นรถครอสโอเวอร์สไตล์ MPV ที่มีบุคลิกใกล้เคียงรถ SUV สายลุยกันเลยทีเดียว
นัดรับรถกันที่ศูนย์ฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ย่านลำลูกกา คลอง 4 รูปลักษณ์ของเจ้าเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส HEV มองผาดๆ แทบไม่ต่างจากรุ่นเครื่องยนต์สันดาปที่ขายอยู่ก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ ประมาณว่าเน้นที่ระบบขับเคลื่อน ส่วนหน้าตาแค่แต่งหน้าทาปากนิดหน่อยพอ
ออกแบบให้ดูมีมิติตั้งแต่กระจังหน้า กันชนหน้า-หลัง แผงตกแต่งข้างประตู และซุ้มล้อแบบ Cross Design ไฟหน้าแบบ LED เปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมไฟตัดหมอก LED และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
ภายในดีไซน์เรียบง่าย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 8 นิ้ว ดีไซน์แปลกตา ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะคุ้นชิน หน้าจอกลางขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ แอปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต
ระบบปรับอากาศแบบขั้นบันได ปรับขึ้นลงไม่มีตัวเลขบอกอุณหภูมิ และความแรงพัดลม แต่ยังดีมีฟังก์ชัน Max Cool เย็นเต็มแม็กได้ด้วยปุ่มเดียว เกียร์ไฟฟ้าดีไซน์หัวเกียร์จับกระชับมือ ใช้งานง่าย
เบาะนั่งหนังสังเคราะห์ สะท้อนความร้อน ช่องชาร์จไฟมีมาให้ครบทั้ง 3 แถว ในรูปแบบ DC 12 โวลต์ USB-A และ USB-C แอร์เบาะหลังแยกอิสระ ปรับระดับพัดลมได้ตามต้องการ เบาะแถวสอง และสามปรับพับรองรับการใช้งานได้ 7 รูปแบบ
ทุกครั้งที่สตาร์ตรถจะอยู่ที่นอร์มอลโหมด คือโหมดการขับขี่ปกติ การจราจรย่านนั้นไม่หนาแน่นเท่าไหร่ ขับสบายๆ ช่วงออกตัวขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เงียบ และไหลลื่น กดเป็นพุ่ง จนรู้สึกว่าหรือตัวรถเบาไปหน่อยหรือเปล่า เริ่มทำความเร็วและไฟฟ้าในแบตเตอรี่เริ่มลดลงเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตรจึงจะติดขึ้นมา เพื่อชาร์จไฟ เมื่อไฟฟ้าในแบตเตอรี่เพียงพอจึงกลับไปใช้ไฟฟ้าสลับไปมา
เข้าเส้นพหลโยธิน คราวนี้ค่อยเจอของจริง เพื่อนร่วมทางเต็มพื้นที่ ดีว่าตัวรถมีความปราดเปรียวเพรียวลม เปลี่ยนเลนไปมาได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ไม่แนะนำให้ทำบนความเร็วสูง เพราะอาจเกิดอาการสั่นไหวจากความสูงของตัวรถ
ลองโหมด EV ง่ายๆ ด้วยปุ่มไดรฟ์โหมด (DRIVE MODE) ใกล้ๆ คันเกียร์ ที่ทีมงานมิตซูบิชิภูมิใจหนักหนาว่าใช้งานได้นาน เหมาะสำหรับจอดรอแบบไม่ต้องปิดแอร์เพราะเครื่องยนต์ไม่ทำงาน เท่าที่จับสังเกตแบตฯ เกือบเต็ม มีอยู่ 5 จาก 6 ขีด กว่าเครื่องยนต์จะกลับมาชาร์จไฟอีกครั้งประมาณ 15 นาที ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ
อย่างนั้นแล้วเลือกใช้โหมด CHARGE เพื่อให้เครื่องยนต์ชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ต่อเนื่อง เมื่อยามจำเป็นใช้งานจะได้มีเพียงพอ แต่ตรงนี้ต้องแลกกับการที่เครื่องยนต์ที่ติดขึ้นมาบ่อย พร้อมทั้งเสียงที่เข้ามาในห้องโดยสารพอสมควร
มีภารกิจต้องข้ามไปถ.บางนา-ตราด ขยับความเร็วเพิ่มขึ้นได้บ้าง จัดไปสูงสุดวันนั้นอยู่ที่ 140 ก.ม.ต่อช.ม. ได้สบายๆ แต่ความเร็วที่แนะนำ 90-110 ก.ม.ต่อช.ม. เพราะนอกจากตัวรถที่นิ่งแล้วยังช่วยประหยัดน้ำมัน หากเร็วกว่านั้นโดยเฉพาะเกิน 120 ก.ม.ต่อช.ม.ไปแล้วรถเริ่มมีความหวิวให้ได้รู้สึก
ขับท่ามกลางแดดเปรี้ยง อยู่ดีๆ ฝนก็กระหน่ำลงมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ปรับโหมดการขับขี่เป็น WET MODE หรือโหมดสำหรับถนนเปียก ตัวรถกระชับหนักแน่นขึ้นเมื่อเทียบกับนอร์มอลโหมด ลองผ่านแอ่งน้ำบนความเร็วไม่มีอาการเหินน้ำให้ได้เห็น เพิ่มความมั่นใจขึ้นอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังมีโหมดการขับขี่อีก 3 แบบคือ GRAVEL MODE สำหรับขับบนถนนลูกรัง ยึดเกาะยิ่งขึ้นเมื่อเจอหินลอย TARMAC MODE ถนนลาดยาง ช่วยลดเสียงรบกวนจากพื้นถนน และ MUD MODE สำหรับขับบนถนนที่เป็นโคลน
ขณะที่ระบบความปลอดภัยจัดเต็มตั้งแต่ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง เป็นต้น
ก่อนนำรถกลับไปคืน กดดูระยะทางการขับขี่อยู่ที่ 378.4 ก.ม. น้ำมันในถังเหลือให้วิ่งได้อีก 140 ก.ม. อัตราสิ้นเปลืองตามหน้าจอแสดงไว้ 15.6 ก.ม. ประหยัดกว่ารุ่นเครื่องยนต์สันดาปอยู่พอสมควร
ส่วนราคาของเจ้ามิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี อยู่ที่ 961,000 บาท แวะไปทดลองขับได้ที่โชว์รูมมิตซูบิชิทั่วประเทศ
กิตติพงศ์ ศรีเจริญ