พลันที่เกีย ค่ายรถยนต์จากแดนกิมจิ เปิดตัวรถอีวี อเนกประสงค์ (EV SUV) เกีย อีวี 5 (KIA EV5) ด้วยราคาที่กระชากใจ ในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา ทำเอานักเลงรถเมืองไทย ให้ความสนใจไม่ใช่น้อย
แต่ก็มีหลายคนที่ยังลังเล ด้วยเพราะไม่มีข้อมูลการขับขี่สักเท่าไหร่ ทำให้ ฌ็อง-ดาวิด คริสติญอง อาเรล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด ไม่รอช้า จัดทริปทดสอบในภาคเหนือ
‘ข่าวสด ยานยนต์’ รับไม้ต่อจากจ.เชียงราย ไปสิ้นสุดที่จ.น่าน ผ่านเส้นทางหลากหลาย เพื่อให้ได้ทดสอบสมรรถนะกันอย่างเต็มที่ กับรูปแบบบนถนนจริง
ก่อนออกจากจุดสตาร์ต แนะนำตัวรถกันพอหอมปากหอมคอ เกีย อีวี 5 รถ SUV ไฟฟ้า 100% ดีไซน์ภายนอกเอกลักษณ์เฉพาะตัว บนแพลตฟอร์มรถอีวี
ออกแบบภายใต้แนวคิด ปรัชญาการออกแบบ Bold for Nature เส้นสายที่ขัดแย้งของสถาปัตยกรรม และสิ่งแวดล้อม แต่อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว และแสดงออกถึงความล้ำสมัย
ด้านหน้าดูแปลกตา ด้วยดีไซน์ Tiger Face โฉบเฉี่ยว แต่ดุดัน ไฟหน้า ไฟท้าย LED มือจับประตูซ่อนตัว เรียบไปกับตัวถัง เด้งออกอัตโนมัติ เมื่อรีโมตเข้าใกล้ตัวรถ
ภายในสีเบจ ให้ความรู้สึกอบอุ่นสะอาดตา เหมาะกับความเป็นรถสำหรับครอบครัว ห้องโดยสารกว้างขวาง และมีปุ่มฟังก์ชันการใช้งาน ให้ควบคุมได้ด้วยการกดคำสั่ง เหมือนรถยนต์ทั่วไป
ทำให้ไม่ต้องปรับพฤติกรรม ซึ่งรถอีวีส่วนใหญ่ รวมทุกการใช้งานไว้อยู่ในหน้าจอ จะปรับเปลี่ยนแต่ละครั้ง ยุ่งยากวุ่นวาย แถมบางฟังก์ชันอยู่ลึก กว่าจะหาเจอถึงที่หมายพอดี
ได้ขับรุ่น Earth Long Range ขับเคลื่อนล้อหน้า ตกลงกับน้องร่วมคันว่า อาสาเป็นไม้แรก ขับขึ้นเขาแบบรวดเดียวจบ ส่วนขาลงค่อยให้น้องเขาว่าการไป ขึ้นนั่งตำแหน่งคนขับ เบาะปรับไฟฟ้า พร้อมระบบนวดหลัง ทัศนวิสัยค่อนข้างดี ด้วยตัวรถที่สูงโปร่ง
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน อวบอิ่มเต็มมือ ปุ่มกดสตาร์ต อยู่ที่ก้านเกียร์มือ ด้านขวาหลังแป้นพวงมาลัย ต้องทำความเข้าใจอยู่พักใหญ่ เพราะลักษณะการเข้าเกียร์ แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร บิดขึ้นเดินหน้า บิดเข้าหาตัวถอยหลัง กดปุ่มที่ก้าน เป็นเกียร์ P
กำลังช่วงออกตัว แรงตามสไตล์รถอีวี จากแบตเตอรี่ขนาด 88.1 กิโลวัตต์/ชั่วโมง และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 217 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ระยะทางวิ่งได้ไกลสุด เมื่อชาร์จเต็ม 665 ก.ม. มากสุดในระดับราคาเดียวกัน
บนถนนเรียบนุ่มนวลไปได้แบบฉลุย แต่เมื่อผ่านผิวขรุขระ รู้สึกได้ถึงแรงสะเทือนขึ้นมาที่พวงมาลัย ความเร็วปลายไต่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่มีอาการท้อ หรือต้องรอรอบ
ระบบความปลอดภัย ADAS มาแบบจัดเต็ม อาทิ ระบบควบคุมให้รถอยู่ในช่องจราจร ระบบป้องกันการออกจากรถเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง ระบบป้องกันการชนด้านหน้า พร้อมตรวจจับรถยนต์ คน รถจักรยาน เป็นต้น
เส้นทางที่ใช้ในการทดสอบ ส่วนใหญ่กว่า 80% เป็นทางขึ้นเขา และมีโค้งแทบตลอด โค้งลึก โค้งรับ โค้งไม่รับ โค้งตัวเอส โค้งพับผ้า โค้งเลข 3 เอาเป็นว่ามีทุกรูปแบบ ซึ่งเจ้าเกีย อีวี 5 คันนี้เอาอยู่ ควบคุมพวงมาลัยไปได้แบบชิลชิล บางโค้งหนักหน่อย เพราะทั้งชัน และหักศอก เติมคันเร่งอีกนิดก็ผ่านได้อย่างสบายมือ
แต่ไม่ใช่กับการเปลี่ยนเลนบนความเร็วสูง เพราะจากที่ทดสอบด้วยการเร่งแซงขวา แล้วเข้าซ้าย ตัวรถมีแรงเหวี่ยงชัดเจน ชัดจนครั้งแรกตกใจอยู่ไม่น้อย ครั้งต่อไปเลยต้องเบาลงหน่อย ฉะนั้นแล้วเวลาเร่งแซงเปลี่ยนเลน ต้องไม่ให้กระชั้นชิดจนเกินไป
ส่วนช่วงลงทางลาดชัน หรือต้องการชะลอความเร็วแบบไม่แตะเบรก มีแป้นบวก-ลบ ให้ที่หลังพวงมาลัย เพื่อหน่วงตัวรถ และปั่นไฟเข้าแบตฯ มีให้เลือก 1-2-3 เลเวล ไปจนถึง วัน แพดเดิล คือหน่วงหนักสุด
ใช้งานบนทางราบ ดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่พักใหญ่ ส่วนทางขึ้น-ลงเขาช่วยได้มาก เพราะเหมือนกับเชนจ์เกียร์ ส่วนใครที่กลัวว่าใช้ระบบนี้แล้วคันหลังจะไม่รู้ และเข้ามาใกล้เกินไป ไม่ต้องกังวล เพราะเมื่อเลือกเลเวล 2 ขึ้นไป ทุกครั้งที่ถอนเท้าจากคันเร่ง ไฟเบรกติดขึ้นให้อัตโนมัติ
ก่อนออกเดินทางแบตเตอรี่มีไฟอยู่ 99% หน้าจอแจ้งว่าวิ่งได้ 499 ก.ม. สรุปทริปนี้ขับไปรวม 260.5 ก.ม. แบตเตอรี่มีอยู่ 41% เหลือไฟให้วิ่งได้อีก 216 ก.ม.
แม้จะห่างจากสเป๊ก และหน้าจอที่แจ้งไว้ก่อนเดินทาง แต่ด้วยเพราะทั้งเส้นทางการขับขี่สุดโหด และรูปแบบการทดสอบที่ใส่กันเต็มกำลัง ถือว่าทำระยะทางได้ดีอยู่ไม่น้อย ถ้าขับแบบชาวบ้านร้านตลาด ตัวเลขระยะทางมีทะลุ 500 ก.ม. ให้เห็นได้ไม่ยากอย่างแน่นอน
เกีย อีวี 5 Earth Long Range มาพร้อมการรับประกันตัวรถ 7 ปี ช่วยเหลือฉุกเฉิน 7 ปี และรับประกันแบตฯลูกใหญ่ 8 ปี
ส่วนจะคุ้มกับค่าตัว 1.599 ล้านบาท หรือไม่ต้องไปลองพิสูจน์กันด้วยตัวเอง ที่โชว์รูมเกีย ทั่วประเทศ
กิตติพงศ์ ศรีเจริญ