BYD เตรียมติดตั้งระบบ God’s Eye (ดวงตาพระเจ้า) ในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เกือบทุกรุ่น เช็กเลยตั้งแต่ราคาเท่าไหร่ขึ้น เผย ทำให้เทคโนโลยีสามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคน

วันที่ 12 ก.พ.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ ตามเวลาญี่ปุ่น ว่า BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนจะติดตั้งระบบ God’s Eye (ดวงตาพระเจ้า) ซึ่งเป็นระบบขับขี่อัตโนมัติที่ล้ำหน้าที่สุดของบริษัทให้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เกือบทุกรุ่นเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้

ในงานแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่ระดับโลกของผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ในนครเสิ่นเจิ้น เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา นายหวัง ชวนฟู (Wang Chuanfu) ผู้ก่อตั้ง BYD กล่าวแนะนำระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่เรียกว่า ดวงตาพระเจ้า หรือ “God’s Eye” รุ่นล่าสุดของบริษัทจำนวน 3 รุ่น

ซึ่งเขากล่าวว่า สามารถขับขี่อัตโนมัติได้ไกลกว่า 1,000 กิโลเมตรโดยไม่มีการรบกวน และมีอัตราความสำเร็จ 99% สำหรับบริการรับจอดรถด้วย

“อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการขับขี่อัจฉริยะคือต้นทุนที่สูง” นายหวังกล่าว “ปัจจุบัน รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ติดตั้งเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติมีราคาสูงกว่า 200,000 หยวน (ราว 930,000 บาท) ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงได้ ผมเชื่อว่าเทคโนโลยีที่ดีควรเข้าถึงได้สำหรับทุกคน”

หวัง กล่าวว่า รถยนต์ที่ขายในจีนเมื่อปีที่แล้วมีเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงไม่ถึง 10% ในขณะที่ผู้ซื้อรถยนต์ชาวจีน 70% ซื้อรถยนต์ที่มีราคาต่ำกว่า 200,000 หยวน (ราว 930,000 บาท)

หวัง ยังเชื่อว่าเมื่อผู้คนหันมาใช้เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงมากขึ้น เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะของจีนจะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยข้อมูลจะถูกเก็บรวบรวมและประมวลผลเร็วขึ้น การขับขี่อัจฉริยะจะกลายเป็นคุณลักษณะสำคัญของรถยนต์จีน

ก่อนหน้านี้ เทสลา ผู้ผลิตรถยนต์จากสหรัฐและคู่แข่ง BYD เคยกล่าวว่า คาดว่าจะเปิดตัวระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติขั้นสูงแบบเต็มรูปแบบในจีนในไตรมาสแรกของปีนี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมบอกว่า วันที่เปิดตัวอาจช้ากว่าที่เทสลาคาดไว้

เมื่อปีที่แล้ว BYD เปิดเผยว่า จะให้ความสำคัญกับระบบขับขี่อัจฉริยะ ในฐานะที่เป็นกลยุทธ์หลักด้วยการลงทุน 100,000 ล้านหยวน (466,000 ล้านบาท) จนปัจจุบันทีมที่ทำงานด้านระบบขับขี่อัจฉริยะของบริษัทมีพนักงานมากกว่า 5,000 คน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอย่างมาก

หวัง กล่าวว่า ระบบ “ดวงตาพระเจ้า” จะถูกนำไปใช้ในรถยนต์ทุกรุ่นที่มีราคาเกิน 100,000 หยวน (ราว 466,000 บาท) และรถยนต์ส่วนใหญ่ที่มีราคาต่ำกว่า 100,000 หยวน ดังกล่าว

หยาง ตงเฉิง รองประธาน BYD กล่าวว่า BYD จะผสานรวมความสามารถของโมเดลขนาดใหญ่ของ DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ตอัพเอไอของจีนเข้ากับสถาปัตยกรรมยานยนต์อัจฉริยะเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพของการสร้างข้อมูลอัตโนมัติ

ซึ่งการใช้ประโยชน์จาก “ความสามารถในการแสดงความรู้และการใช้เหตุผลอันทรงพลัง” ของ DeepSeek ยังช่วยให้เข้าใจความต้องการและเจตนาโดยนัยของผู้ใช้ได้ดีขึ้น แม้ว่าเมื่อไม่ชัดเจนก็ตาม

ทั้งนี้ BYD เปิดตัว God’s Eye ในปี 2023 และนำไปใช้งานในรถยนต์หลายรุ่น ซึ่งเป็นระบบภายในของบริษัทที่ผสานรวมเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เช่น ไลดาร์ เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร กล้อง และเซ็นเซอร์อัลตราโซนิก เพื่อให้เข้าใจสภาพแวดล้อมของรถได้อย่างครอบคลุม

หนึ่งในฟีเจอร์ของระบบนี้คือ ระบบนำทางในเมืองแบบอัตโนมัติ (CNOA) ซึ่งช่วยนำทางในบริเวณทางแยกที่ซับซ้อน สัญญาณไฟจราจร การแซงอัตโนมัติ การหลบหลีกสิ่งกีดขวาง และการเปลี่ยนเลนด้วยตนเอง ซึ่งมีจำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว

God’s Eye ที่ใช้เทคโนโลยีไตรไลดาร์ที่ล้ำหน้าที่สุดจะนำไปใช้ใน Yangwang Auto ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ของ BYD เป็นหลัก

BYD ขายรถยนต์ที่ติดตั้งระบบขับขี่อัจฉริยะได้กว่า 4 ล้านคัน ซึ่งมากกว่าผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ของจีน แต่รถยนต์ส่วนใหญ่เหล่านี้มีระบบ DiPilot ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงที่เปิดตัวโดยศูนย์การเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Smart Connectivity Center) ของ BYD ทั้งนี้ สัดส่วนของรุ่นที่ติดตั้งระบบ God’s Eye ที่ล้ำหน้ากว่าระบบ DiPilot นั้นยังค่อนข้างต่ำ

สงครามราคาสู่อัพเกรดฟังก์ชั่น

ซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า นายหวังกล่าวในงานอีกว่า การขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงจะกลายเป็นคุณสมบัติความปลอดภัยมาตรฐานที่คล้ายกับเข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัย

และยังประกาศว่า จะเปิดตัวระบบช่วยเหลือการขับขี่ “DiPilot” ในรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของบริษัท ซึ่งรวมถึงรถยนต์ราคาประหยัดราคา 69,800 หยวน (ราว 320,000 บาท)

นักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ของโนมูระ (Nomura) ระบุว่า BYD มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกในจีนที่นำเสนอระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงดังกล่าวสำหรับรถยนต์ราคาต่ำกว่า 70,000 หยวน (ราว 320,600 บาท)

“BYD กำลังเปลี่ยนกลยุทธ์การแข่งขันจากการตัดราคาเมื่อปีที่แล้วเป็นการอัพเกรดฟังก์ชั่นในปี 2025” นักวิเคราะห์ กล่าว

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า BYD พึ่งพาเอ็นวิเดีย (Nvidia) และฮอไรซอน โรบอติกส์ (Horizon Robotics) สำหรับชิปขับเคลื่อนอัตโนมัติ แต่ BYD ตั้งเป้าที่จะผลิตชิปที่พัฒนาขึ้นเองจำนวนมากในปี 2026

นักลงทุนตื่นเต้นกับความสามารถในการขับเคลื่อนอัตโนมัติของ BYD หุ้นของบริษัทในนครเสิ่นเจิ้นพุ่งขึ้นกว่า 15% นับตั้งแต่ประกาศเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ว่าจะจัดงานแถลงเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าว ในขณะที่หุ้นของซัพพลายเออร์ รวมถึง RoboSense และ Horizon Robotics ก็พุ่งขึ้นในระดับเดียวกัน

ค่ายจีนนำเทรนด์ขับขี่อัจฉริยะ ราคาไม่แพง

“ในระยะยาว เราเห็นว่าผู้ผลิตรถยนต์ของจีนจะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอัจฉริยะและทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้แพร่หลายในรถยนต์ตลาดแมส แม้ว่ามูลค่าจะอยู่ที่ประมาณ 10% ของมูลค่าตลาดของผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกก็ตาม” พอล กง หัวหน้าฝ่ายวิจัยรถยนต์จีนที่ธนาคารยูบีเอส อินเวสต์เมนต์ แบงก์ (UBS Investment Bank) กล่าว

นอกจากนี้ เขายังเสริมอีกว่า ผู้ผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิมมีแนวโน้มที่จะประกาศความร่วมมือกับบริษัท AI เพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

บริษัทหลักทรัพย์ China Merchants Securities คาดการณ์ว่าปี 2025 จะเป็นปีแรกของการขับขี่อัจฉริยะที่ราคาไม่แพงสำหรับ BYD ด้วยความก้าวหน้าของอัลกอริทึมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ต้นทุนฮาร์ดแวร์ที่ลดลง การรับรู้ของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นระหว่างผู้ผลิตรถยนต์

การขับขี่อัจฉริยะระดับสูงหรือการนำทางแบบอัตโนมัติ คาดว่าจะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในรถยนต์ที่มีราคาตั้งแต่ 100,000-200,000 หยวน (ราว 460,000-932,000 บาท) ในอีกสองปีข้างหน้า

เนื่องจากการขับขี่อัจฉริยะกลายเป็นสนามรบที่สำคัญสำหรับผู้เล่นในอุตสาหกรรมยานยนต์ ความก้าวหน้าที่สำคัญใด ๆ ของ BYD ในด้านนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเข้มข้นขึ้น

นักวิเคราะห์ คาดว่า ส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าระดับกลางและระดับล่างจากแบรนด์เยอรมนีและญี่ปุ่นจะยังคงถูกแบรนด์รถยนต์อัจฉริยะของจีนกัดกร่อนต่อไป

ที่มา : ประชาชาติ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน