เทรนด์ฮิตหนุ่มตี๋ศัลยกรรม ปลูกผม-กำจัดถุงใต้ตา มาแรงสุด

เทรนด์ฮิตหนุ่มตี๋ศัลยกรรมซินหัว รายงานเรื่องราวในแวดวงศัลยกรรมความงามของหนุ่มจีน ว่า ผู้ชายจีนแสวงหาความงามใต้คมมีดหมอ ปลูกผม กำจัดถุงใต้ตามาแรงสุด

นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ เจ้าหงซาน ชายวัย 33 ปี เจ้าของยิมแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ได้ย่างเท้าเข้าไปในโลกแห่งการทำศัลยกรรม ด้วยการฉีดสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์เข้าใต้ผิวหนังเพื่อลดริ้วรอยเมื่อ 4 ปีก่อน จนถึงบัดนี้เขาได้ใช้เงินไปแล้วราว 80,000 หยวน (ประมาณ 350,000 บาท) ในการดูแลรักษาใบหน้า รวมทั้งการผ่าตัดตกแต่งเปลือกตา

“การทำศัลยกรรมเสริมความงามเป็นเรื่องปกติเหมือนการเพาะกาย ทั้งสองอย่างทำให้ผู้ชายหล่อเหลาและมีความมั่นใจมากขึ้น” เจ้ากล่าว

Xinhua

เจ้าเป็นหนึ่งในบรรดาชายจีนผู้แสวงหาความช่วยเหลือทางการแพทย์ที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมความงามด้วยการผ่าหรือไม่ต้องผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปโฉมภายนอกของตนเอง ด้วยหวังว่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจหรือทำให้ได้เปรียบท่ามกลางการแก่งแย่งชิงดีในสังคมยุคปัจจุบัน

แอปพลิเคชันเครือข่ายสังคมด้านศัลยกรรมเสริมความงาม “เกิ้งเหม่ย” (Gengmei) ที่มีความหมายว่า “งดงามยิ่งขึ้น” เผยแพร่รายงานที่ระบุว่า ในปี 2018 มูลค่าตลาดการแพทย์ด้านความงามในจีนพุ่งทะลุ 4.95 แสนล้านหยวน (ประมาณ 2.18 ล้านล้านบาท) โดยสัดส่วนผู้ชายจากจำนวนลูกค้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณร้อยละ 15

“คนไข้ของผมประมาณร้อยละ 20 เป็นผู้ชาย บางคนต้องการกำจัดสิวและทำให้ตัวเองดูดีขึ้นในวันแต่งงาน บางคนมีปัญหาหัวล้านและหวังจะดูเด็กลงด้วยการปลูกผม” จางฮุ่ย แพทย์ผิวหนังประจำโรงพยาบาลเสริมความงามเอกชนในปักกิ่งกล่าว

เหล่าแพทย์พบว่าศัลยกรรมที่ผู้ชายถามหามากที่สุด ได้แก่ การปลูกผม การกำจัดถุงใต้ตา การรักษาสิว และการจัดฟัน

หวังจวิ่น รองประธานฝ่ายการตลาดของเกิ้งเหม่ยยอมรับว่า การพึ่งพาการแพทย์เพื่อเสริมความงามเป็นกระแสที่มาแรงขึ้นในหมู่ชายรุ่นใหม่ เนื่องจากลูกค้าเพศชายส่วนใหญ่ของบริษัทเกิดหลังปี 1990

คนไข้เหล่านี้มักหยิบยกแรงกดดันทางสังคมและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่าความงามเป็นทางลัดไปสู่ความสำเร็จมาพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง โดยระบุว่านี่คือเหตุผลที่พวกเขาเลือกทำศัลยกรรมเสริมความงาม

หวังกล่าวว่า “บางคนแค่อยากทำตามความต้องการของตนเอง ในขณะที่คนอื่นหวังจะสร้างความแตกต่างให้ตัวเองในการหางานหรือหาคู่”

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิคส์ผู้หนึ่งในกรุงปักกิ่งผู้ฉีดยาเข้าชั้นผิวหนัง 3 ครั้งในแต่ละปีเพื่อฟื้นฟูผิวหน้า กล่าวว่าตนพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ทำให้ใบหน้าของเขาดูอ่อนเยาว์กว่าผู้อื่นในวัยเดียวกัน พร้อมกล่าวว่าผู้ชายก็มีแรงกดดันทางสังคมเช่นเดียวกับผู้หญิง นอกจากนี้ ข้อบกพร่องบนร่างกายและใบหน้าจะลดความมั่นใจและศักยภาพในการแข่งขัน “ทำไมถึงไม่ลบเลือนร่องรอยความชราในเมื่อเราสามารถทำได้ล่ะครับ” เขากล่าว

ในสังคมที่เริ่มยอมรับผู้ชายที่แสวงหาความงาม การแต่งหน้า และการศัลยกรรมเสริมสวย จึงไม่ใช่เรื่องที่จำกัดไว้สำหรับสตรีเพศอีกต่อไป

สำนักข่าวซินหัวได้สุ่มสัมภาษณ์ผู้คนทางออนไลน์จำนวน 86 คน พบว่าร้อยละ 77 ของผู้ตอบแบบสัมภาษณ์กล่าวว่า การที่ผู้ชายต้องการทำศัลยกรรมเสริมความงามถือเป็นทางเลือกส่วนบุคคล และเราควรเคารพการตัดสินใจของผู้อื่น

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาชี้ถึงความเสี่ยงของการทำศัลยกรรมเสริมความงาม

ฟ่านจวี้เฟิง ผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมเสริมสวยโรงพยาบาลปักกิ่งเฉาหยางไม่ส่งเสริมให้ผู้คนไม่ว่าจะชายหรือหญิง “หลับหูหลับตา” ไปขึ้นเขียงผ่าตัด

Xinhua

คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนระบุว่ากรมอนามัยจีนได้จัดการคดีที่เกี่ยวข้องกับศัลยกรรมความงามผิดกฎหมายทั้งหมด 2,772 คดี นับตั้งแต่เริ่มต้นปราบปรามเมื่อเดือนพฤษภาคม 2017

ฟ่านยังได้เตือนสาธารณชนถึงผลกระทบทางลบจากการถ่ายทอดสดของคนดังบนโลกออนไลน์ ที่ส่งเสริมความเข้าใจผิดๆ ว่าความงามเป็นเรื่องสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด

บนแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับแบ่งปันเรื่องราวไลฟ์สไตล์ เฉินจิงเว่ย บล็อกเกอร์วัย 21 ปีได้แบ่งปันประสบการณ์การผ่าตัดเสริมความงาม ไม่ว่าจะเป็นการทำจมูก ทำหน้า หรือการเสริมคางในช่วงสามปีที่ผ่านมา

ชายจำนวนหนึ่งที่ติดตามเรื่องราวของเฉิน มักสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการผ่าตัด เช่น “ทำตามาเท่าไหร่” “ผมเป็นผู้ชายที่อยากทำจมูก ไปทำที่โรงพยาบาลไหนดี” “ได้ผ่ากรามด้วยหรือเปล่า หรือแค่ฉีดฟิลเลอร์”

“การตัดสินใจทำศัลยกรรมเสริมความงามเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ทุกคนไม่ควรเสพติดการศัลยกรรม” ฟ่านทิ้งท้าย “สุดท้ายแล้วใบหน้าที่สดสวยไม่อาจเทียบเทียมความงามจากภายในได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน