จากกรณี ไทยพบผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้อพยพรวดเดียว 42 คน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด รายใหม่กลับไปอยู่ที่ 53 คน หลังจากตัวเลขผู้ป่วยลดลงอย่างต่อเนื่องมานับสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไทยอาจจะเป็นเหมือนประเทศสิงคโปร์ที่ผู้ป่วยพุ่งสูงหลังจากเกิดการระบาดในกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่อาศัยอย่างแออัดในแคมป์คนงาน

ล่าสุด ศ.ดร.นพ.วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ หน่วยระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า การพบผู้ติดเชื้อดังกล่าวเริ่มแรกเกิดจาก เจ้าหน้าที่หน่วยราชการแห่งหนึ่งที่ทำงานเกี่ยวกับความมั่นคงมีการติดเชื้อในที่ทำงาน และมีเพื่อนร่วมงานติดอีก 8 คน เจ้าหน้าที่ 31 คนตรวจแล้วไปพบเชื้อ 2-3 วันต่อมา นักระบาดวิทยา ได้เบาะแส ว่า เชื้ออาจจะมาจากผู้ต้องขังในศูนย์กักกันคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จึงเดินหน้าตรวจจนพบผู้ติดเชื้อ 42 ราย ซึ่งมีการรายงานผลให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น ๆ และผู้ว่าแจ้งขึ้นไปทางนายกและเข้าสู่ ศบค. ไม่เคยมีหมอคนไหนบอกว่า มีความพยายามปกปิด ไม่กี่ชั่วโมงหลังรายงานก็มีการประกาศให้ประชาชนรับทราบ

ศ.ดร.นพ.วีระศักดิ์ กล่าวว่า การปิดข้อมูลทางระบาดจะเกิดแต่ผลเสีย ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมา ฝ่ายการเมืองเคยปิดเรื่องไข้หวัดนก ก็พังอยู่ไม่ได้ ซึ่งทางการเมืองหากมีการโกหกเรื่องนี้จะทำให้คนไม่เชื่อถือ การที่ ศบค.ได้ข้อมูลและตัดสินใจเปิดเผยเรื่องนี้ทันทีถือเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งประชาชนจำเป็นต้องรับทราบว่า กำลังมีปัญหา และรัฐจำเป็นต้องหาทางจัดการ เพราะถือเป็นปัญหาเชิงสังคม เป็นเรื่องการช่วยเหลือมนุษย์ และเป็นโรคระบาดที่ต้องทำอย่างเหมาะสม

“ต้องชื่นชมที่สาธารณสุข ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ทำให้คนไทยทราบสถานการณ์ที่แท้จริงในเวลาอันรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ผู้อพยพใช้ไทยเป็นประเทศทางผ่าน ไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งการจะไปบอกรัฐบาลต้นทางให้รับกลับ หรือ ไม่ให้อพยพออกมา ไม่มีประโยชน์อะไร แต่ขณะนี้ไทยไม่รับเข้ามาเพิ่มถือว่าถูกต้องแล้ว โดยผู้อพยพในศูนย์กักกันนั้น เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างเหมาะสม ไม่ให้การระบาดลามออกไป โดยการที่นายอนุทิน ให้หลักการว่า ต้องรักษาทุกชีวิตตามมาตรฐานสาธารณสุขไทย ถือเป็นเรื่องน่ายกย่อง เพราะเป็นการช่วยเหลือคนตามมนุษยธรรม แต่ต้องมีมาตรการที่เหมาะสมเพราะคนกลุ่มนี้มักจะต้องการหลบหนี ในกรณีโรคระบาดหากหลบหนีจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา”

ศ.ดร.นพ.วีระศักดิ์ กล่าวว่า รมว.สาธารณสุข ไม่ได้พูดถึงประเด็นการหลบหนี ซึ่งเรามีบทเรียนเกี่ยวกับโรฮินญาและอูกุยมาแล้วว่าพยายามหลบหนีตลอดเวลา ส่งตัวกลับประเทศทางโน้นก็ไม่รับ ถ้าหลุดออกไปบางทีก็กลายเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์ในที่สุด ในกรณีนี้ถ้าหลุดออกไปมีโอกาสที่จะแพร่โรคร้ายกลับมาหาเรา เรื่องพวกนี้ทีมงานในพื้นที่กำลังหาทางแก้ปัญหาอยู่ ต้องติดตามกันต่อไป เรื่องผู้อพยพนี้บางทีต้องทำใจและให้เวลาเยียวยาปัญหาสังคมอันซับซ้อนของมนุษยชาติ ท่าทีที่เปิดเผย ให้คนอื่นมีส่วนรับรู้และช่วยเหลือร่วมมือจะทำให้ทุกอย่างค่อย ๆ ดีขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน