โฆษก ศบค.ยัน ต้องตั้งการ์ดสู้ต่อ ใช้ชีวิตแบบ new nomal “ขู่” ไม่เช่นนั้นที่ลงทุนไปจะกลายเป็นศูนย์ เชื้อโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดอีก

วันที่ 26 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ตอบคำถามถึงมาตรการในการดูแลทั้งผู้ที่อยู่ในพื้นที่กักกันและแรงงานต่างด้าว ว่า เป็นหน้าที่หลักของกระทรวงสาธารณสุขได้ใช้วิธีการค้นหาเชิงรุกกับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง

กระทรวงสาธารณสุขจะมีทีมระบาดวิทยา ทีมผู้เข้าไปตรวจจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมทั้งสุขอนามัย สิ่งแวดล้อม กรมอนามัยก็จะมีทีมลงพื้นที่ดูแลเชิงรุกในเรื่องความเป็นอยู่ เรื่องของอนามัยสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทุกคนได้มีสุขลักษณะอนามัยที่ดี ไม่เป็นแหล่ง-รัง-โรค ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้คิดทั้งระบบขึ้นมา

สิ่งสำคัญที่สุดประชาชน แรงงานต่างด้าว และผู้ประกอบการ จะต้องให้ความร่วมมือ เพราะแม้เราจะมีกฎระเบียบหรือมีมาตรการเชิงรุก แต่ทุกคนต้องให้ความร่วมมือ ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในภาวะปัจจุบัน และต้องเป็นผู้สังเกตอาการตัวเอง หากมีอาการต้องรีบแจ้งกลับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เพราะระบบเฝ้าระวังดีที่สุดคือระบบที่ติดตั้งในพื้นที่ โดยภาครัฐจะเข้าไปให้ความรู้พูดคุยและเปิดช่องทางการช่วยเหลือไว้ แต่ผู้ที่เฝ้าระวังดีที่สุดคือคนที่อยู่ในพื้นที่

เมื่อถามว่าในเรื่องชีวิตวิถีใหม่ (new nomal) ขณะนี้มีบางฝ่ายเห็นว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีก็น่าจะกลับไปใช้วิถีชีวิตแบบเดิม เพราะการใช้ชีวิตวิถีใหม่ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบการทำมาหากินยากลำบาก นพ.ทวีศีลป์ กล่าวว่า เข้าใจว่าทุกคนอยากกลับไปใช้วิถีปกติ มีการค้าขาย มีการเดินทางอย่างปกติ

แต่ที่ยังไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ เพราะต้องเข้าใจ สภาวการณ์การเกิดโรคนี้ซึ่งไวรัสโควิด-19 เพิ่งเกิดมาในช่วง 3-4 เดือน และเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจ แพร่กระจายผ่านตัวไวรัสที่ผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย คนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อ คือคนในช่วงวัยทำงานและไม่มีอาการ เราจึงไม่รู้ว่าใครติดเชื้อบ้าง และยังเดินอยู่ในสังคมตรงไหน

ถ้ากลับไปใช้ชีวิตปกติก็จะมีโอกาสติดเชื้อจากคนเหล่านี้ได้มาก มื่อติดขึ้นมาก็จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้อีก แม้ปัจจุบันประเทศไทยจะเจอแค่หลักสิบ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะคุมได้ หรือจะกลายเป็นศูนย์ (0) และถ้าเมื่อเป็น 0 ก็ต้องดูว่าจะนานเท่าไหร่ และไม่ใช่แค่จะเป็นตัวเลขแค่ 0 บ้านเราอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องให้ตัวเลขเป็น 0 ทั้งโลก ถึงจะเกิดความมั่นใจได้

“ดังนั้น แม้วันนี้บ้านเราจะคุมตัวเลขได้ดี แต่รอบๆ บ้านเราและประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตัวเลขยังพุ่งสูงขึ้น แสดงว่าเชื้อในอากาศยังมีอยู่เต็มไปหมด ถ้าเรายังใช้ชีวิตวิถีเดิม เดินทางไปท่องเที่ยว ไปซื้อของเหมือนเดิม ก็มีโอกาสจะกลับมาระบาดได้ใหม่ สิ่งที่เราลงทุนไปเมื่อหลายเดือนก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยกลายเป็นศูนย์ จึงต้องชี้แจงว่าการจะกลับไปสู่ภาวะปกติต้องใช้ระยะเวลาอีกยาวพอสมควร

สิ่งที่จะกลับไปปกติได้ คือ

1.จะต้องมียารักษา เมื่อมียารักษาก็จะคุมเชื้อโรคได้ โดยต้องเป็นการรักษาให้หาย ไม่ใช่แค่การระงับยับยั้งไม่ให้โรคเจริญเติบโต หรือต้านไว้เฉยๆ นั้น ไม่พอ ยาต้านไวรัสไม่ใช่การรักษาไวรัส เป็นการไม่ให้โรคกำเริบเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการรักษาให้หายทั้งหมด

2.เราจะต้องมีวัคซีน ซึ่งเมื่อไหร่ที่มีวัคซีนก็จะตอบได้ว่าการแพร่ระบาดของโรคก็จะจบได้ตอนนั้น แต่กว่าจะได้ตรงนี้ ข้อมูลล่าสุดก็คืออาจจะเป็นต้นปีหน้า หมายความว่าเราต้องใช้เวลาระหว่างนี้ไปถึงต้นปีหน้าในการควบคุมโรคโดยการควบคุมตัวเราเองให้ได้ ปรับชุดพฤติกรรมของเราในตอนนี้ให้ได้ เพื่อที่จะไม่เอาเชื้อโรคมาอยู่ที่ตัวเรา หรือเอาเชื้อโรคจากตัวเราไปอยู่ที่คนอื่น จึงต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้

ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกยังไม่ยินยอมในช่วงตอนแรกที่จะปรับตัวเข้าจะเห็นตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นและหลักแสนขึ้นมาทันที แต่ปัจจุบันหลายประเทศจึงต้องปรับตัวมาและออกมาตรการ คล้ายๆ กับสิ่งที่ไทยได้ทำ ซึ่งเป็นการออกมาตรการมาตั้งแต่แรก ทำให้ตัวเลขของเราไม่สูง แต่ถ้าออกช้าก็คงไม่แตกต่างไปจากคนอื่น เช่นเดียวกันถึงแม้เราจะออกมาตรการได้เร็วและยกเลิกเร็ว ก็จะกลับไปเป็นตัวเลขเหมือนประเทศอื่นๆ ที่เกิดขึ้น คือการ์ดตกเมื่อไหร่ สิ่งที่ลงทุนมาทั้งหมดจะกลายเป็นศูนย์ทันที” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษก ศบค. กล่าวในช่วงท้ายว่า วันนี้ครบรอบ 1 เดือนที่มีการประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) วันที่ 26 เม.ย. ที่ขอความร่วมมือกับประชาชนในการควบคุมดูแล อย่าใกล้ชิดกันมากขึ้น เชื่อว่าสิ่งที่ออกมาตรการมาได้รับความร่วมมือจากประชาชนในการดูแลกัน เพราะพวกเราเข้าใจถึงสถานการณ์ต่างๆ ร่วมกัน ชุดข้อมูลตัวเลขต่างๆ ทำให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ร่วมกัน เผชิญหน้ากับสถานการณ์ร่วมกัน ไม่ใช่แค่ภาครัฐ หรือประชาชน หรือแพทย์ ฝ่ายเดียวที่รับผิดชอบ

แต่เราทุกคนร่วมมือกันและพิสูจน์ได้ว่า 1 เดือนที่ผ่านมาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทำให้การต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 มีประสิทธิภาพ เป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะประคองสถานการณ์ต่อเนื่องต่อไป การ์ดจะต้องไปตก ทุกเรื่องเราได้มีการปรับตัวได้เป็นอย่างดี ขอให้ทุกคนใช้เวลาปรับตัวออกไปเรื่อยๆ ซึ่งความสามารถในการปรับตัวของมนุษย์ที่มีอยู่ทำให้เราคงอยู่เผ่าพันธุ์ได้มาตลอดหลายล้านปี สิ่งที่เป็นวิกฤตและหายนะ แต่เราก็สามารถปรับตัวได้เข้ากับสถานการณ์ได้และจะปรับตัวได้ตลอด ขอเป็นกำลังใจและเราจะก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน