สธ. แจงชัด คนไทยเดินทางข้ามจังหวัดได้ ไม่มีกักตัว ย้ำใส่แมสก์100% เว้นระยะห่าง ใช้รถส่วนตัว ยึดมาตรการสธ. เว้น แรงงานต่างด้าว ห้ามออกนอกพื้นที่

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 31 ธ.ค.2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป รักษาการรอง อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์และความคืบหน้าผู้ติดเชื้อโรคโควิด19 ในประเทศไทยโดย

โดย นพ.โอภาส ได้ตอบข้อซักถามถึงกรณี ในต่างประเทศมีการเริ่มฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด19 ไปแล้วแต่หลังจากนั้นยังคงมีการตรวจพบเชื้อ โควิด19 ในคนที่ได้รับวัคซีนนั้น ว่า หลักการของวัคซีนคือการนำเชื้อก่อโรคนั้นๆ ไปทำให้อ่อนแรงหรือตาย หรือเอาชิ้นส่วนเชื้อโรคไปฉีดให้กับคนที่ยังไม่ป่วย เพื่อให้ร่างกายเขาสร้างภูมิขึ้นมาต้านทาน

เวลาได้รับเชื้อเข้าไปจริงก็จะไม่ป่วย ดังนั้นจะเห็นว่าเมื่อฉีดวัคซีนเข้าไปจะต้องอาศัยกระบวนการร่างกายสร้างภูมิต่อต้านเชื้อโรคขึ้นมาโดยใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ และวัคซีนบางชนิดต้องมีการฉีดกระตุ้นเข็มที่สองกว่าจะได้ผลเต็มที่ จึงไม่ได้แปลว่าเมื่อฉีดแล้วสามารถป้องกันโรคได้ในทันทีต้องใช้เวลาประมาณ2-4สัปดาห์ภูมิจึงจะเริ่มขึ้น

ดังนั้นในรายที่เป็นข่าวในต่างประเทศว่าหลังจากฉีดวัคซีนแล้วประมาณ8วันตรวจพบการติดเชื้อ นั่นแปลว่าเขาได้รับเชื้อหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้ว 2-3 วัน หรือได้รับเชื้อก่อนหน้านี้ทำให้ภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากวัคซีนปกติยังไม่ทำงาน จึงมีการติดเชื้อ ขอให้เป็นข้อมูลกับประชาชนได้ทราบ

และถึงแม้ว่าฉีดวัคซีนแล้วก็ควรต้องทำตามมาตรการต่างๆต่อไป เพราะประสิทธิภาพของวัคซีนที่ได้มีประกาศออกมาบางชนิดก็ 90% บางชนิด 70% บางชนิด 95% เพราะฉะนั้นแปลว่าไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้ทั้งหมด 100% ดังนั้นวัคซีนที่ดีที่สุดที่เรามีอยู่คือการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเดินทางข้ามจังหวัดขณะนี้ สามารถทำได้หรือไม่ หรือจะต้องมีการกักตัวไว้ในพื้นที่สีแดงหรือสีส้มประชาชนต้องปฎิบัติตัวอย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า การเดินทางข้ามจังหวัด สิ่งที่ห้ามคือแรงงานต่างด้าว ที่ห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่ แต่สำหรับพี่น้องประชาชนคนไทย สามารถเดินทางไปยังข้ามจังหวัดได้

แต่กระทรวงสาธารณสุข โดยศูนย์ปฏิบัติการ โควิด19 ขอความร่วมมือ งดเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อลดการแพร่กระจายของโรค แต่ในทางปฏิบัติท่านสามารถเดินทางไปในต่างจังหวัดได้ ไม่มีการกักตัวเพียงแต่ขอความร่วมมือ เวลาเดินทางไปไหนให้สวมหน้ากากอนามัย 100% และเว้นระยะห่าง แต่ในบางจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจจะเห็นเป็นความเสี่ยงอาจจะประกาศเพิ่มเติมจากศบค.

หรือ จากคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขได้ ซึ่งจากที่ตนดูก็ไม่ได้มีการห้ามหรือมีการกักตัว 14 วัน ที่มากมายแต่อย่างใด ดังนั้นโดยภาพรวมเดินทางข้ามจังหวัดได้ยังไม่มีการกักตัว และขอให้เดินทางโดยรถส่วนตัวจะเป็นการดียิ่งขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามถึง มาตรการต่างๆที่ออกมาเพื่อช่วยควบคุมป้องกันโรค ได้ผลจริงหรือไม่ เพราะขณะนี้ประชาชนเห็นในตลาดบางแห่งการ์ดตก ผู้จำหน่าย อาหารบางคนสวมหน้ากากอยู่ใต้คาง หรือสัมผัสเงินทอนแล้วมาจับอาหารโดยไม่มีเครื่องมือคีบ แล้วมาตรการที่ออกมาจะได้ผลจริงหรือ

นพ.โสภณ กล่าวว่า มาตรการป้องกัน โควิด19 มีคำแนะนำหลักเน้นเรื่องการป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างบุคคล ซึ่งในหลายพื้นที่ที่มีความเสี่ยงและพบการติดเชื้อ โควิด19 รอบนี้ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน ซึ่งมีสุขภาพแข็งแรงมากกว่าคนวัยอื่น ดังนั้นในระยะแรกของการติดเชื้อมักจะไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย

ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นต้องทำในภาพรวมคือ ถ้าใครมีอาการจะต้องแยกตัวไม่ไปในที่สาธารณะเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และหากเป็นการติดเชื้อโดยไม่มีอาการเนื่องจากไม่ทราบ ก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน และล้างมือบ่อยๆ เน้นป้องกันส่วนบุคคล และสิ่งที่ต้องทำพร้อมกันคือลดความแออัด หรือลดโอกาสที่เราจะไปแพร่เชื้อในสถานที่นอกบ้าน

จึงเป็นที่มาว่า ต้องการให้ทุกคนอยู่กับครอบครัวเป็นหลักในช่วงนี้ ไม่ไปพบปะสังสรรค์กับคนหมู่มาก งดรวมกลุ่มคน การไปตลาดถือเป็นความจำเป็น แต่อาจจะลดความเสี่ยงโดยการลดความถี่ลง และทุกครั้งที่ไปต้องปฏิบัติตามมาตรการ รวมถึงพ่อค้าแม่ค้า ที่จะต้องให้บริการขายสินค้า เก็บเงินทอนเงิน ก็ขอให้ล้างมือบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงสัมผัสสิ่งของที่มีคนสัมผัสร่วมกันมากๆ

เช่น ธนบัตร เหรียญ แล้วไปจับอาหาร ถึงแม้ว่าตัวอาหาร โอกาสที่จะติดหรือมีเชื้อไวรัส โควิด19 ไปอยู่แล้วทำให้เกิดอาการป่วยนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเรายังไม่พบการติด โควิด-19 จากการกินอาหาร แต่เพื่อสุขอนามัยที่ดี ขอให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสอาหารโดยตรง ลดโอกาสการปนเปื้อนเชื้อโรคทางเดินอาหารอื่นๆ

นพ.โอภาส กล่าวในช่วงท้ายว่า ปี 2563 ที่ผ่านมาเป็นปีที่เราทุกคนไม่ปกติ ยากลำบากในการดำรงชีวิต กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ต้องขอขอบคุณที่ประชาชนได้ร่วมมือร่วมใจกันปฎิบัติตามคำแนะนำ ซึ่งขณะนี้พบว่าสวมหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นกันเป็น 90% แล้ว และขอให้ดำเนินการต่อเนื่อง ส่วนในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้กระทรวงสาธารณสุขขอให้ช่วยลดการเดินทาง

ซึ่งปรากฏว่ามีข้อมูลจากศูนย์ความปลอดภัยทางถนน พบว่าการเดินทางลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญก็ต้องขอขอบคุณ รวมถึงการลดกิจกรรมที่มีคนแออัดในช่วงปีใหม่ ขอให้ทุกคนเค้าต์ดาวน์ที่บ้าน รวมถึงการเดินทางต่างจังหวัด เยี่ยมญาติพี่น้องครอบครัวก็ยังสามารถทำได้

แต่ขอให้น้อยที่สุดและขอให้บันทึกการเดินทางส่วนบุคคลเก็บไว้ นอกจากนี้หากพบเห็นบ่อนการพนัน แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา และขอให้ท่องคาถา อยู่ห่างไว้ ใส่แมสกัน หมั่นล้างมือเช็คชื่อไทยชนะ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน