เชียงใหม่ พบนศ.18 ป่วย โควิด รวมเพิ่ม 3ราย รองผู้ว่าปัด ร้านดังโพสต์ติดจ่ายแสน ไม่เกี่ยวจว. ทนายดังเผยปมสาวโพสต์แฉลงโซเชียล

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

วันที่ 11 ม.ค.2564 นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่า เชียงใหม่ กล่าวว่า แคมเปญที่ร้านดังโพสต์ติด โควิด จ่าย1แสน เป็นค่าทำขวัญ เป็นในส่วนของทางร้าน ไม่ได้เกี่ยวกับจังหวัด เนื่องจากเริ่มต้นโครงการนี้ ทางประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดขึ้นในช่วงพบผู้ป่วยที่มาจากโรงแรม 1G1 หลังสามารถควบคุมได้โครงการนี้ก็หมดไป เพราะสถานการณ์กลับสู่ปกติ

แต่ในส่วนของคืนเคาต์ดาวน์ทางร้านดังกล่าวได้กระทำความผิดจริง เพราะทางคณะกรรมการโรคติดต่อเชียงใหม่ มีทั้งพยานหลักฐานจากผู้ติดเชื้อและพยานหลักฐานจากส่วนอื่นๆ ว่าร้านมีการเปิดเกินเวลาและมีผู้ใช้บริการเกินกว่าที่มีการจำกัด

สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดในพื้นที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ รายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื่อโควิด19 รายใหม่เพิ่มอีก3 ราย นับเป็นรายที่ 65, 66 และ67 ของจังหวัดเชียงใหม่ ไม่มีการระบุว่า ผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 3 ราย เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกรบการแพร่ระบาดในสถานบันเทิงดัง2แห่งหรือไม่อย่างไร โดยทางทีมงานเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการเร่งสอบสวนโรค

และจะมีการแถลงชี้แจงรายละเอียดอย่างเป็นทางการในช่วงเย็น ทั้งนี้มีรายงานแจ้งว่า ในจำนวนผู้ป่วย 3 รายใหม่ดังกล่าว มีรายหนึ่งเป็นนักศึกษาหญิง อายุ 18 ปี

ด้าน นายพรศักดิ์ สังข์สังวาลย์ กก.บริหาร สภาทนายความ ภาค5 ให้ความเห็น ในประเด็นที่มีหญิงสาวโพสต์คลิปแฉร้านอาหารชื่อดังไม่ยอมจ่ายเงิน 1 แสนบาท หลังจากไปเที่ยวที่ร้านเมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม ก่อนพบว่าแฟนหนุ่มติดเชื้อโควิด 19

โดยระบุว่า โดยหลักการโพสต์ลักษณะนี้ ถือเป็นการทำเป็นหนังสืออย่างหนึ่ง แม้จะไม่มีการลงชื่อ แต่กฏหมายปัจจุบันถือเป็นลายมือชื่อทางอิเลกทรอนิกส์ หากพิสูจน์ได้ว่าร้านที่กล่าวอ้างเป็นโพสต์ของร้านที่กล้างอ้างก็สามารถใช้สิทธ์ทางศาลได้ แต่การพิจารณาก็อยู่ที่พยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่จะใช้นำสืบในชั้นศาล ว่าทางร้านได้โพสต์จริงหรือไม่

นอกจากนี้การที่สถานประกอบการประกาศและไม่ทำตามที่ระบุไว้ ถือว่าเข้าข่ายคดีผู้บริโภคซึ่งผู้ที่ได้รับความเสียหายสามารถไปร้องเรียนกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือ สคบ. ได้ซึ่งทาง สคบ. จะมีการสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการไปตามขั้นตอน

เชียงใหม่ โควิด

นายพรศักดิ์ บอกด้วยว่า กรณีที่เกิดขึ้นหากพิสูจน์ได้ว่าสถานบริการปล่อยปละละเลย ไม่ให้ความสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตามมาตรฐานทางสาธารณสุข ก็อาจเข้าข่ายประมาทได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูข้อเท็จจริงด้วยว่าผู้ที่เข้าไปใช้บริการได้มีการป้องกันดูแลตัวเองตามสมควรด้วยหรือไม่ เพราะหากจะโทษฝ่ายสถานประกอบการฝ่ายเดียวก็จะไม่เป็นธรรม เพราะทุกคนก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเองและผู้อื่น สำหรับผู้ที่ต้องการขอคำปรึกษาทางกฎหมายเกี่ยวกับประเด็นที่เกิดขึ้น สามารถเข้าปรึกษาได้กับทนายความอาสาที่ประจำอยู่ที่ศาลจังหวัด และ สภ.เมือง ของทุกจังหวัด

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน