กลับมาแล้ว! ผู้ว่าฯปู ” วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ” นำทีมสู้โควิดระลอกใหม่ เปิดใจ ขอบคุณกำลังใจคนไทยทั้งประเทศ ไม่อยากจะเชื่อ จะมีชีวิตรอดกลับมาตรงนี้ได้อีกครั้ง ชี้รพ.สนามมีความสำคัญ

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 19 เม.ย.2564 ที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.สมุทรสาคร พร้อมด้วย นางชุติพร วิจิตร์แสงศรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร เดินทางกลับมาบริหารงานที่จ.สมุทรสาคร อย่างเป็นทางการ หลังเข้ารับการรักษาโรคโควิดแล้วออกจากรพ.ศิริราช กลับไปพักฟื้นรักษาสุขภาพที่บ้านพักจ.อ่างทอง นับตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. 2564 เป็นต้นมา โดยการเดินกลับมาวันนี้เป็นการเดินทางกลับมาแบบส่วนตัว ไม่ได้มีพิธีการต้อนรับแต่อย่างใดทั้งสิ้น

เมื่อมาถึงผู้ว่าฯวีระศักดิ์ แวะทักทายกับเจ้าหน้าที่อส.ด้านหน้าศาลากลาง จากนั้นเข้าไปตรวจงานในห้องทำงาน ส่วนการประเดิมภารกิจแรกแบบเบาๆ เมื่อกลับมาทำงานในฐานะผู้บริหารระดับสูงสุดของจ.สมุทรสาคร และเป็นหัวเรือใหญ่หรือแม่ทัพในการสู้กับสถานการณ์โควิดระลอกใหม่อีกครั้ง คือ การประชุมร่วมกับ นพ.นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร และผู้บริหารรพ.เอกชนทั้ง 8 แห่ง เพื่อรับทราบถึงการให้บริการตรวจรักษาและรับผู้ติดเชื้อโควิด เข้าสู่กระบวนการดูแลของโรพ.เอกชน ภายใต้มาตรการของกระทรวงสาธารณสุข

 

ผู้ว่าฯวีระศักดิ์ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่ออกจากรพ.แล้ว ได้ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องแต่เป็นในรูปแบบของ Work From Home และได้ติดตามข่าวสารของจ.สมุทรสาครมาตลอด ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 สัปดาห์ ก็ตั้งใจจะกลับมาทำงานที่จ.สมุทรสาคร แต่หมอทราบข่าวเสียก่อนเลยรีบสั่งห้ามไว้ สำหรับสิ่งที่ต้องการและอยากจะให้เกิดขึ้นที่จ.สมุทรสาคร อันดับแรกในขณะนี้คือ คนสมุทรสาครมีความเข้าใจที่ตรงกันเกี่ยวกับการปรับพื้นที่จากสีส้มเป็นสีแดง เนื่องหลายคนยังเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะสถานการณ์โควิดมีผลกระทบต่อคนทั้งประเทศ แต่คนสมุทรสาครหลายคนไม่เข้าใจว่า

 ผู้ว่าฯ ปู กลับมาแล้ว

“ทำไมสมุทรสาครถูกเปลี่ยนสีจากส้มเป็นแดง และจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง ซึ่งก็อยากจะบอกทุกคนว่า การเปลี่ยนแปลงพื้นที่สีนั้น ก็ด้วยที่สมุทรสาครเป็นเขตปริมณฑล และไม่อยากให้เอาพื้นที่สีมาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะตอนนี้ทั้งประเทศก็ล้วนแต่เป็นพื้นที่ๆ เกิดการระบาดของโรคเหมือนกัน และถ้าสังเกตดูจะพบว่าในหลักการปฏิบัติไม่ว่าจะสีแดงหรือสีส้ม ก็มีข้อบังคับการปฏิบัติที่แทบจะไม่แตกต่างกันเลย เพราะฉะนั้นถ้าคนสมุทรสาครมีความเข้าใจในส่วนตรงนี้ร่วมกันแล้ว ก็จะเข้าใจว่าสีไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “เราจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร” ดังนั้นความตั้งใจสิ่งแรกที่อยากจะทำก็คือ อยากสร้างความเข้าใจให้เกิดกับคนสมุทรสาครทุกคนมีความเข้าใจที่ตรงกันในเรื่องดังกล่าวและเดินหน้าสู้โควิดร่วมกัน”

 ผู้ว่าฯ ปู กลับมาแล้ว

ผู้ว่าวีระศักดิ์ เปิดใจอีกว่า ส่วนความพร้อมที่จะกลับมานำทีมบริหารเพื่อสู้กับโควิดอีกครั้งนั้น วันนี้ตนคิดว่าพร้อมสู้แล้ว แต่ก็ต้องแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะวันนี้เราไม่ได้ทำงานอยู่เพียงลำพัง เรามีทีมงานที่คอยช่วยเหลือกัน ทั้งรองผู้ว่าฯ และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ที่จะต้องคอยประคับประคองช่วยกันให้งานเป็นไปตามที่วางแผนไว้ รวมถึงพี่น้องชาวสมุทรสาครที่ได้ร่วมกันเดินหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับสถานการณ์โควิดในสมุทรสาครวันนี้ดีกว่าในวันนั้นมาก ก่อนเข้ารพ.มีคนติดเชื้อโควิดแต่ละวันเพิ่มจากหลักสิบเป็นหลักร้อย จนกระทั่งมียอดรวมเป็นหลักหมื่น แต่วันนี้ผู้ติดเชื้อรายวันมีแค่หลักสิบและส่วนใหญ่ก็เป็นคนต่างจังหวัด วันนี้สามารถพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า สมุทรสาครเป็นโมเดล ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศเห็นว่า เราสามารถต่อสู้เอาชนะสถานการณ์โควิด ที่เคยมีผู้ติดเชื้อค่อนข้างมาก จนวันนี้เหลือน้อยลง จนกระทั่งเกือบจะไม่มีเลย เพราะฉะนั้นวันนี้สถานการณ์สมุทรสาครดีขึ้นมากจริงๆ

 ผู้ว่าฯ ปู กลับมาแล้ว

“ส่วนเรื่องของความหนักใจสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ซึ่งเกิดกับแรงงานต่างด้าว กับ สถานการณ์โควิดในปัจจุบันที่ติดเชื้อใจกลุ่มคนไทยนั้น หากจะให้บอกว่าไม่หนักใจก็คงจะไม่ใช่ ก็คงต้องหนักใจบ้าง แต่วันนี้คงไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องของความหนักใจกันแล้ว แต่ต้องพูดกันถึงเรื่องของ “ความรับผิดชอบ” ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัด รับผิดชอบในฐานะคนไทยคนหนึ่ง และรับผิดชอบในฐานะคนสมุทรสาครคนหนึ่ง ทุกคนต้องร่วมมือช่วยเหลือกัน เพราะปัญหานี้คงไม่สามารถแก้ไขให้ลุล่วงได้โดยง่ายและรวดเร็ว ปัญหานี้คงต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพักใหญ่กว่าที่จะผ่านพ้นไปได้ ”

นายวีระศักดิ์ ยังกล่าวถึงรพ.สนามด้วยว่า วันที่ผมเข้ารับการรักษาในรพ.ศิริราช ส่วนหนึ่งที่เป็นความกังวลใจก็คือ การเกิดขึ้นของรพ.สนาม หรือศูนย์ห่วงใยคนสาคร ทำอย่างไรจะให้เกิดขึ้นให้ได้ เพราะสิ่งนี้คือ จุดแตกหักที่จะแยกคนที่ติดเชื้อให้ออกมาจากคนปกติ ถ้าไม่มีรพ.สนามก็ไม่มีวันนี้ เชื่อว่าคนสมุทรสาครคงจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ารพ.สนามเป็นจุดที่ทำให้สมุทรสาครดีขึ้นจากเดิมเป็นอย่างมาก จึงเป็นคำตอบโดยปริยายแล้วว่า “รพ.สนามเป็นหัวใจหลักในการต่อสู้กับสถานการณ์โควิด” นั่นคือ การแยกคนที่ติดเชื้อออกมา และสิ่งที่ต้องยอมรับกันก็คือ รพ.สนามไม่ใช่สถานที่สุขสบาย มีหลายคนกล่าวถึงรพ.สนามในด้านลบหลายๆอย่าง อยากให้เข้าใจร่วมกันว่า แม้รพ.สนามจะไม่สะดวกสบายแบบอยู่บ้าน แต่ขอให้เข้าใจว่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้เราทุกคนสู้กับสถานการณ์โควิดได้อย่างทันท่วงที

 ผู้ว่าฯ ปู กลับมาแล้ว

ผมขอขอบพระคุณคนไทยทั้งประเทศ ขอบพระคุณคนสมุทรสาคร สำหรับกำลังใจที่ส่งไปให้ขณะที่เข้ารับการรักษาตัวในรพ. เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการสู้กับโรคโควิด 19 นั้นก็คือ “กำลังใจ” ซึ่งที่ผ่านมาผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่า จะสามารถมีชีวิตรอดกลับมาตรงนี้ได้อีกครั้ง แต่เพราะได้สิ่งสำคัญที่สุดมาช่วยพยุงนั่นก็คือ กำลังใจ ที่แม้จะเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้แต่ก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาล ฉะนั้นกำลังใจที่แต่ละคนมอบให้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการต่อสู้กับสถานการณ์โควิดในปัจจุบันนี้

เพราะทุกคนต้องการกำลังใจเป็นอย่างสูง เพื่อการยืนหยัดต่อไปให้ได้จนกว่าโควิดจะผ่อนคลาย หรือผ่านพ้นไปในที่สุด วันนี้กำลังใจที่ทุกคนมีให้แก่กันและกัน จะเป็นพลังในการขับเคลื่อนให้สมุทรสาครเดินหน้าต่อไป ทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไป ผมไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะประสบปัญหาเพิ่มมากขึ้น หรือน้อยลง แต่ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า “วันที่เรายังมีลมหายใจ ยังมีกำลังใจที่ดี แม้จะมีอุปสรรคที่ท้าทายให้เราก้าวข้ามไป เมื่อเราผ่านพ้นไปได้ ความสำเร็จจะรอเราอยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน