ศบค. เล็งผ่อนคลายมาตรการร้านอาหาร หากสถานการณ์ดีขึ้น เป็นปัจจัยการติดเชื้อน้อยลง มอบจังหวัดพิจารณาแบ่งโควตาฉีดวัคซีนให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร จับตาปรับแผนการฉีดวัคซีนหลังสูงอายุ 7 โรคเรื้อรังลงทะเบียนจองฉีดน้อย อาจขยายกลุ่มเป้าหมาย

วันที่ 11 พ.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) กล่าวถึงกรณีการบังคับใช้มาตรการโดยเฉพาะร้านอาหารที่จะครบกำหนดวันที่ 14 พ.ค. จะมีการผ่อนคลายหรือไม่ ว่า ประเด็นร้านอาหาร เลขา สมช.ได้รับนโยบายจากนายกฯ ว่า เห็นถึงความสำคัญ เพราะคนประกอบการร้านอาหารดูแลทั้งปากท้องตนเองและลูกค้า การที่มีมาตรการขึ้นมาก็รับผลกระทบทั้งผู้ประกอบการและลูกค้าด้วย จึงมีการพูดคุยกัน

โดยสมาคมภัตตาคารไทยเป็นตัวแทนได้นำเรื่องขึ้นมาเพื่อขอความอนุเคราะห์จากนายกฯ มี 2 ประเด็นที่เราวิเคราะห์ คือ 1.มาตรการผ่อนคลายถ้าสถานการณ์ดีขึ้น และปัจจัยเสี่ยงจากการติดเชื้อในร้านอาหารลดลง หรือมีมาตรการที่จะดูแลลูกค้า นั่งห่างกัน จัดพื้นที่ต่างๆ ขอให้ทั้งส่วนผู้ประกอบการโดยสมาคมไปทำมา และมอบ สธ.ดูมาตรการว่าจะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนหรือไม่ ถ้าสร้างได้ก็จะผ่อนคลายเกิดขึ้นได้โดยเร็ว

และ 2.สมาคมฯ ขอว่าจังหวัดใหญ่ๆ ที่มีกำลังซื้อเยอะ และคนขายอยากขายสบายใจ ขอวัคซีนได้หรือไม่ ที่ประชุมก็มองว่าเมื่อต้องประกอบการร้านอาหาร ใกล้ชิดกับสินค้าที่ต้องเอาไปบริโภค มีโอกาสติดต่อได้ ก็ขอเหมือนกันว่า น่าจะให้พิจารณา ได้บอกกับทาง ศบค.มท. ให้ไปดูแต่ละจังหวัดว่าเหมาะหรือไม่ที่จะแบ่งส่วนหนึ่งของวัคซีนที่จะได้รับโควตาไปให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารด้วย เพทื่อทำอาหารนอกจากอร่อย สะอาด คนทำก็มีเรื่องของการรับวัคซีน ปลอดภัยจากการติดเชื้อด้วย แนวโน้มถือว่าดี

ถามว่าจะมีการปรับแผนการฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง 16 ล้านคน หรือจะให้กลุ่มเสี่ยงอื่นก่อนหรือไม่ เพราะตัวเลขการลงทะเบียนยังน้อย 1.6 ล้านคน นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า นายกฯ ประชุม ครม. ได้แจ้งว่ามาตรการที่จะให้ผู้ที่ลงทะเบียนขอรับการฉีดวัคซีน แทนที่จะอยู่ในสองกลุ่ม เท่าที่ทำมามียอด 1.6 ล้าน ที่จะให้คือ 16 ล้าน หรือ 10 เท่า จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้ไปพิจารณาการขยายกลุ่มเป้าหมาย ข่าวดีคงมาเร็วๆ นี้ คงทำให้คนที่อยากได้รับวัคซีนที่ไม่ใช่กลุ่มผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง 7 กลุ่ม ก็จะมีโอกาสเร็วๆ นี้ รอติดตามอีกครั้ง จะได้ข้อมูลมาสรุปต่อไป

กรณแอสตร้าเซนเนก้ารับรองคุณภาพวัคซีนที่ผลิตของสยามไบโอไซเอนซ์ จะมีการส่งมอบและฉีดทันตามกำหนดหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า แนวโน้มที่รับฟังมา การผลิตเป็นไปตามแผน การตรวจสอบคุณภาพ เป็นไปตามแผนด้วยดี แต่วันที่จะฉีดจะเร็วหรือช้ากว่าแผน ไม่อาจมีข้อสรุปได้ แต่ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะผู้บริหาร สธ. สยามไบโอไซเอนซ์ และคณะกรรมการต่างๆ รวมถึงนายกฯ มีการติดตามเร่งรัด อำนวยความสะดวกต่างๆ เมื่อผลิตเสร็จ ต้องมีระบบของ อย. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่ต้องเข้าไปดูในแต่ละล็อตรีลิส สุ่มขึ้นมาตรวจ เราทำทุกอย่างด้วยมาตรฐานขั้นสูงที่สุดระดับโลก ทั้งก่อนฉีด ระหว่างฉีด และหลังฉีด

ถามว่าจะยกระดับพิจารณาคุมเข้ม 3 จังหวัด กทม. นนทบุรี ปทุมธานี นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เรายกระดับมานานแล้ว และไม่ใช่แค่ 3 จังหวัด แต่เป็น กทม.และปริมณฑล 5 จังหวัด ตอนนี้สิ่งที่เป็นมาตรการคือนำเอาตัวผู้ป่วยมารับการรักษา ค้นหาผู้ป่วยให้เร็ว แยกผู้ป่วยที่ป่วยแล้วให้หาสถานที่รักษายังอยู่ในแผนเดิม และมาตรการเดิมที่ประกาศตั้งแต่ 1 พ.ค. จะครบ 14 พ.ค.ถ้าแนวโน้มดีขึ้นก็จะช่วยกันได้ ไม่ได้ขึ้นกับนายกฯ หรือคณะทำงานเท่านั้น สำคัญที่สุดคือตัวเลขการเจ็บป่วย ที่เราต้องทำร่วมกันกับประชาชน การบริหารสถานการณ์ไม่ใช่แค่รายวัน แต่ 24 ชั่วโมงแทบไม่ได้หยุดเลย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน