‘แพทย์ชนบท’ แฉลับลวงพราง วัคซีนแอสตร้า รบ.จ่ายหนักให้เกาหลีขอซื้อด่วน ซ้ำเชิญชวนแกมบังคับให้โรงพยาบาลฉีด จากขวดละ 10 โดสให้ได้ 12 โดส

วันที่ 30 พ.ค.64 เพจ ชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นวัคซีนโควิด ความว่า ลับลวงพราง วัคซีนโควิด ตอน 2 : 30-05-64 แอสตร้าฯมิถุนายน ความปั่นป่วนที่ ศบค. ไม่กล้าบอกความจริง

วันที่ 7 มิถุนายน 2564 วันแรกที่ kick off ฉีดวัคซีนตามที่ลงทะเบียนไว้ แล้วจะได้ฉีดวัคซีนแอสตร้าไหม แล้ววันต่อๆไปด้วยจะได้ฉีดแอสตร้าจริงไหม หรือจะกลายมาเป็นซิโนแวค นี่คือคำถามที่ปั่นป่วนมาก

วัคซีนแอสตร้าจากสยามไบโอไซแอนนั้น เป็นความหวังสำคัญยิ่ง แต่เพราะเป็นวัคซีน lot แรก การผลิตย่อมมีอุปสรรค ความชำนาญก็ยังมีไม่มาก ผลิตแล้วก็ต้องนำไปตรวจรับรองโดยบริษัทแม่ด้วย เมื่อพบความเบี่ยงเบนของค่าต่างๆก็ต้องนำกลับมาแก้ไขให้ได้ตามมาตรฐาน แม้ทำเต็มที่แต่ก็ยังล่าช้าและมีจำนวนน้อยกว่าที่คาดการณ์

ในสัญญาการส่งมอบวัคซีนแอสตร้านั้น ตกลงไว้ว่า จะมีส่งมอบวัคซีนในสิ้นไตรมาส 3 คือมิถุนายน ซึ่งแปลว่าส่งมอบใน 1-30 มิถุนายน ก็ไม่ได้ผิดสัญญา ส่วน 7 มิถุนายนนั้น เป็นเรื่องที่ ศบค.กำหนดเอง เพื่อลดเสียงก่นด่าเรื่องทำไมไม่มีวัคซีนให้ฉีด เมื่อผลิตวัคซีนได้น้อยและช้ากว่าที่ตั้งธงไว้ การระบาดก็รุนแรง ความต้องการฉีดพุ่งสูง จึงเป็นมิถุนาแห่งความโกลาหล แผนการกระจายวัคซีนตอนนี้สร้างความปวดหัวแก่ รพ.อย่างมาก เพราะเปลี่ยนโผแทบทุกวัน

ด้วยข้อมูลที่จำกัด เข้าใจว่า วัคซีน lot แรกในเดือนมิถุนายนนี้ จะสามารถส่งมอบล็อตแรกได้ที่ 1.8 ล้านโดส จากความต้องการใช้แอสตร้า 5 ล้านโดส โจทย์ที่สำคัญคือ วัคซีนจำนวนนี้ ควรจัดสรรไปฉีดให้ใคร แล้ววัคซีนที่ขาดไปจะทำอย่างไร

ต้องขอบอกก่อนว่า วัคซีนนั้นเป็นของหายาก กำลังการผลิตทั้งโลกมีจำกัด บริษัทต้องส่งตามยอดการจองที่สั่งไว้ก่อน การซื้อด่วนๆนั้นก็มีได้บ้าง แต่ได้ราคาแพงและจำนวนน้อย ซึ่งปัจจุบันเราก็ได้ด่วนมาเฉพาะซิโนแวคเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม วันที่ 7 มิถุนายน 2564 ก็ต้องมีวัคซีนแอสตร้ามาฉีดให้กับคนไทย นี่คือความอยู่รอดครั้งสำคัญของรัฐบาล แผนสองจึงเกิดขึ้น วัคซีนแอสตร้าจากเกาหลีคือคำตอบสุดท้าย ข่าววงในบอกว่า รัฐบาลจ่ายหนักสั่งด่วนมาจากเกาหลี 5 แสนโดสมาแก้ขัดให้ทัน 7 มิถุนายนนี้ และสั่งซิโนแวคมาอีกมากกว่า 3 ล้านโดส สำหรับใช้แทนแอสตร้าที่ขาดหายไป คนที่ลงทะเบียนไว้ส่วนหนึ่งจะได้รับการเชิญชวนให้ฉีดซิโนแวคแทน

เมื่อแอสตร้ามีน้อย ปรากฏการณ์เชิญชวนแกมบังคับให้โรงพยาบาลฉีดจากขวดละ 10 โดสให้ได้ 12 โดสจึงเกิดขึ้น เพื่อรีดวัคซีนให้เพิ่ม 20% อย่างน้อยเสียงก่นด่าก็ลดลง 20% และเพื่อลดแรงต้านจากบุคลากรการแพทย์ ทาง ศบค.จะสั่งซื้อ low dead space syringe ส่งมาพร้อมกับวัคซีนแอสตร้าด้วย เพื่อให้สูญเสียที่เกิดขึ้นแน่ในเข็มฉีดยาให้มีน้อยที่สุด ยอดการจัดสรรขวดวัคซีนแอสตร้าและแบบรายงานการฉีดที่ ศบค.จะส่งมานั้น จึงคิดที่ 12 โดสต่อขวดไม่ใช่ 10 โดส เช่น หากมีกลุ่มเป้าหมาย 6,000 คน จะได้วัคซีน 500 ขวด ไม่ใช่ 600 ขวด นี่คือนโยบาย บ่นได้แต่ต้องทำ

ในขณะวัคซีนยังมีน้อย บรรดา สส.และคนมือยาวก็ยังพยายามจะตัดวัคซีนล็อตใหญ่ไปฉีดจังหวัดหรือบริษัทตนเอง ประกันสังคมก็ตัดไป 1 ล้านโดสให้กับโรงงาน การระบาดหนักในกรุงเทพและปริมณฑลที่ควรได้วัคซีนก่อนเพื่อยุติการระบาด นี่ขนาดนายกประยุทธ์ ยึดอำนาจ สธ.ลงมาบัญชาการเองก็ยังไม่กล้าฟันธง

ข่าวว่ามีการชง ศบค.ให้เอาวัคซีนแอสตร้า 1.8 ล้านโดสนี้ ฉีดปูพรมในกรุงเทพและปริมณฑลเพื่อยุติการระบาด เพราะเข็มแรกของแอสตร้าก็เกิดภูมิแล้วถึง80% ในขณะที่ซิโนแวคเข็มแรกเกิดภูมิน้อยกว่า ประดุจการระดมรถดับเพลิงมาฉีดจุดที่มีไฟไหม้ใหญ่ ไม่ใช่แยกเอารถดับเพลิงที่มีน้อยไปฉีดแถวบุรีรัมย์ แต่นายกไม่กล้าสั่งทั้งๆที่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง การระบาดในไทยจึงจะยังทรงและทรุดเช่นนี้ต่อไปอีกหลายเดือน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน