สปา-คราฟต์เบียร์ ขอกทม.ผ่อนมาตรการ ชี้ถูกปิดที่แรก เปิดที่สุดท้ายเสมอ โอดสั่งห้ามนั่งร้าน แต่ก็ไม่อนุญาตให้ขายออนไลน์ได้อีก

31 พ.ค. 2564 – ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กลุ่มผู้ประกอบการคราฟต์เบียร์ และ ตัวแทนผู้ประกอบการร้านนวด รวมตัวเดินทางมายื่นหนังสือถึง ผู้ว่าฯกทม. ทวงถามความคืบหน้า กรณีมาตรการผ่อนคลายให้กลับมาเปิดกิจการได้ภายใต้การแพร่ระบาดของโควิด-19

ตัวแทนผู้ประกอบการร้านนวดร้านสปา กล่าวว่า เราได้ยื่นเรื่องไป 2 ครั้งแล้ว วันนี้มาทวงคำตอบจากผู้ว่าฯกทม. ว่าจะมีมาตรการผ่อนปรนร้านนวดหรือไม่ เราเขียนเอกสารมาตรการผ่อนปรนเองทุกอย่าง เพื่อขอให้ทุกคนสามารถเปิดได้ ณ วันที่ 31 พ.ค. คำสั่งที่ 35 มีผลบังคับใช้วันนี้วันสุดท้ายแล้ว อยากทราบว่า พรุ่งนี้จะสามารถเปิดทำการได้หรือไม่

ค่าเช่าได้ทวงเข้ามาแล้ว บางคนต้องจ่ายค่าเช่าถึง 270,000 บาท ซึ่งปิดกิจการ รายได้เราเป็นศูนย์ แต่ค่าเช่ายังต้องจ่ายเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ เราอยากจะทราบข้อมูล และมาตรการของผู้ว่าฯกทม. ว่าจะช่วยผ่อนคลายได้หรือไม่

ไม่ใช่ว่าสั่งปิดแล้วมีกิน ทุกวันนี้ยังต้องใช้ ค่าเช่ายังต้องจ่าย พนักงานยังต้องซื้อข้าวให้กิน หากรัฐบาลมองว่าเราเป็นกลุ่มเสี่ยง อยากให้ปูพรมฉีดวัคซีนทั้งหมด ให้เข้าถึงวัคซีนโดยง่าย ทุกวันนี้เราเข้าถึงวัคซีนยากมาก ความต้องการวัคซีนของหมอนวด มีประมาณ 3,000 คน ไม่รู้เมื่อไหร่จะฉีดครบ

ขณะที่ตัวแทนผู้ประกอบการคราฟต์เบียร์ กล่าวว่า เรามายื่นข้อเรียกร้องให้ผ่อนปรนมาตรการให้สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ ทุกครั้งเกิดโควิด เราจะถูกปิดเป็นคนแรก และถูกผ่อนปรนเป็นคนสุดท้ายเสมอ เหมือนกับร้านนวด ธุรกิจหลายที่ สามารถควบคุมระยะห่างให้ปลอดภัยได้ ถ้าร้านอาหารเปิดได้ ร้านชาบูเปิดได้ ทำไมคราฟต์เบียร์ถึงเปิดไม่ได้

ไม่ใช่ทุกอาชีพที่จะเวิร์กฟอร์มโฮม (work from home) ได้ อาชีพเหล่านี้ไม่มีรายได้ มีแต่ค่าใช้จ่าย และมีคนตกงานเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ร้านปิดไปเยอะแล้ว เรายังถูกซ้ำเติมเรื่องห้ามขายออนไลน์อีก ทำไมในสถานการณ์แบบนี้ อย่างน้อยถ้าเราขายออนไลน์ได้ ก็ยังพอจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน