‘อนุทิน’ สั่ง นพ.สสจ.ทุกจังหวัดเฝ้าระวังโควิด ติดตามแรงงานกลับบ้าน แบ่งเบาภาระ กทม.ที่มีผู้ป่วยหนาแน่น พร้อมเปิดเตียงสนาม รพ.บุษราคัม เพิ่มอีกหลายพันเตียง

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงภายหลังประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับผู้ตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) และ ผอ.โรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19

นายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ นายแพทย์ สสจ.ทุกจังหวัดบริหารจัดการโรงพยาบาลในจังหวัดให้เป็นเครือข่าย ตรวจเช็กทรัพยากรที่มีในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 โดยให้ผู้ตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุข บริหารจัดการทุกโรงพยาบาลในเขตสุขภาพ หากมีความจำเป็นต้องใช้เตียง อุปกรณ์การรักษา ก็ให้บริหารจัดการดูแลภายในเขตสุขภาพ

“ส่วนแรงงานที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ให้ทุกจังหวัดเฝ้าระวังผู้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ตามมาตรการเหมือนกับปีที่แล้ว ทั้งการรายงานตัว ให้ อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) ติดตามผู้เดินทางเข้ามา หรือการกักตัวในโลคัลควอรันทีน ในส่วนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายก็ต้องให้นายจ้างร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย ทั้งหมดถือเป็นการช่วงแบ่งเบาภาระของ กทม. ซึ่งมีการติดเชื้อจำนวนมาก”

“ปัญหาความหนาแน่นอยู่ในกทม. ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขไม่สามารถเข้าไปบริหารจัดการอะไรได้ แต่พร้อมเข้าไปช่วยแบ่งเบาภาระ กทม. โดยกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลเรื่องการรักษาอย่างเต็มที่ เพราะอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบ เพื่อไม่ให้มีการป่วยหนักและเสียชีวิต เช่น เปิดเตียงสนามใน รพ.บุษราคัมเพิ่มขึ้นเป็นโคฮอร์ทวอร์ด ซึ่งเรายังมีศักยภาพเพิ่มจำนวนเตียงได้อีกหลายพันเตียง โดยวันนี้จะหารือกับทางเมืองทองธานี เพื่อขอใช้สถานที่ต่อจากเดือนส.ค.ไปอีก รวมถึงการร่วมกับกองทัพบก และรพ.ธนบุรี จัดทำโคฮอร์ทวอร์ด และไอซียูสนาม 186 เตียงที่มณฑลทหารบกที่ 11”

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อแต่ละวันจะทำในระบบควบคุมโรค ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขทำหน่วยงานเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือหน่วยงานอื่นๆ เช่น ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครอง ในการเฝ้าระวังคนไม่ให้หนีออกไปหรือลักลอบเข้าประเทศ

สำหรับเรื่องฉีดวัคซีนเน้นย้ำให้ฉีดตามนโยบายของ ศบค. คือกลุ่มผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มโรคให้เสร็จภายใน 2 เดือนคือก.ค.-ส.ค. ตอนนี้มีวัคซีนเข้ามาพอเพียง ต้องขอเห็นใจประชาชน ถ้าฉีด สองกลุ่มนี้ได้อัตราการตายจะลดลง ส่วนประชาชนก็จะฉีดตามวงรอบ ขอให้ความมั่นใจระบบสาธารณสุขยังดำเนินการอยู่ สำหรับภายในมิ.ย.นี้ยืนยันว่าจะฉีดวัคซีนทะลุ 10 ล้านโดสตามที่ตั้งเป้าไว้ ขณะนี้ฉีดไปแล้ว 9 ล้านกว่าโดส วัคซีนยังมีในสต๊อกเพียงพอ

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) จัดหามาเพียงพอในทุกเดือน ล่าสุดผู้อำนวยการ อภ.รายงานว่า ช่วงกลางเดือนก.ค.ยาฟาวิพิราเวียร์ที่ อภ.ใช้สารตั้งต้นมาผลิตในชื่อ “ฟาเวียร์” น่าจะได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เนื่องจากผ่านการทดสอบชีวสมมูลแล้ว โดยเดือนส.ค.จะเริ่มผลิตได้ ช่วงแรกผลิตเดือนละ 2 ล้านเม็ด และหากผลิตได้เพิ่มก็จะช่วยลดการนำเข้า

ด้านนายสาธิต กล่าวว่า แนวทางดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่บ้านระหว่างรอเตียง (Home Isolation) อยู่ภายใต้การพิจารณาของบุคลากรทางการแพทย์ และอยู่ในระบบการตรวจสอบ ติดตามอาการ หากอาการเปลี่ยนแปลงมีระบบส่งต่อไปรักษาตัวยังโรงพยาบาล โดยเริ่มดำเนินการแล้ววันนี้ (28 มิ.ย.) เฉพาะพื้นที่กทม.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน