เชียงใหม่ แจงพบผู้ติดเชื้อโควิด สายพันธุ์เดลตา 11 ราย กระจายในเครือญาติ ยกระดับควบคุมโรค ปรับเวลา ดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ถึง 3 ทุ่ม

จังหวัดเชียงใหม่ แถลงพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา แล้ว 11 ราย เป็นการนำเข้าจากต่างพื้นที่และกระจายในวงเครือญาติ สาธารณสุขฯ เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ด้านคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ออกคำสั่งร้านจำหน่ายอาหาร/เครื่องดื่ม ที่ได้รับใบอนุญาตจากกรมสรรพสามิต บริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน ได้ถึงเวลา 21.00 น. และปิดร้านในเวลา 22.30 น. ส่วนร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่น กำหนดเวลาขายเป็น 2 ช่วง มุ่งควบคุมและป้องกันโรคโควิด – 19 บังคับใช้ 1 กรกฎาคมนี้ ฝ่าฝืนมีโทษปรับ

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2564 ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ นายกนก ศรีวิชัยนันท์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ประจำวัน

นายทรงยศ เปิดเผยว่า วันนี้จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 4 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเป็น 4,169 ราย รักษาหายแล้ว 4,097 ราย ยังคงมีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภท จำนวน 46 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลรัฐ 37 ราย โรงพยาบาลเอกชน 9 ราย ผู้เสียชีวิตสะสมยังอยู่ที่ 26 ราย ขณะที่กลุ่มผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่นั้น แยกเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (สีเขียว) 28 ราย อาการปานกลาง (สีเหลือง) 14 ราย อาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 3 ราย และผู้ป่วยอาการหนัก (สีแดง) 1 ราย

การตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้สัมผัสหรือผู้เสี่ยงสูง เมื่อวานนี้ (29 มิ.ย. 64) ตรวจไป 951 ราย พบเชื้อ 4 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.40 ส่วนปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นการนำเชื้อเข้ามาจากต่างจังหวัด ซึ่งผู้ติดเชื้อ 3 รายสัมผัสโรคมาจากต่างจังหวัด และอีก 1 ราย เป็นผู้สัมผัสในครอบครัวต่อจากผู้ที่เดินทางเข้ามาจากต่างจังหวัด

นายทรงยศ กล่าวต่อว่า ขอย้ำเตือนให้ผู้ที่เดินทางเข้าพื้นที่ปฏิบัติตนตามมาตรการของจังหวัดเชียงใหม่อย่างเคร่งครัดจริงจัง ทั้งการสแกน CM CHANA และกักตนเอง ซึ่งหากกักตัวที่บ้านต้องแยกห่างจากคนในครอบครัว เพื่อความปลอดภัยของญาติพี่น้อง แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตาม ก็จะพบผู้สัมผัสจำนวนมาก และอาจเกิดการแพร่ระบาดไปในวงกว้างจนกลายเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ได้

ด้านการตรวจคัดกรองเชิงรุก ในแคมป์คนงานต่างด้าว ได้ลงพื้นที่สุ่มตรวจไปแล้ว 93 ราย ใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอจอมทอง ฮอด แม่แจ่ม กัลยาณิวัฒนา และอำเภอไชยปราการ ทั้งหมดผลเป็นลบ ขณะที่คลัสเตอร์ใน จังหวัดเชียงใหม่ เหลือคลัสเตอร์ที่เฝ้าระวังอยู่ 4 คลัสเตอร์ ไม่พบผู้ติดเชื้อต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว 2 คลัสเตอร์ และมีคลัสเตอร์ที่ยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิดอีก 2 คลัสเตอร์

นายทรงยศ กล่าวอีกว่า กรณีปรากฏข่าวในโซเชียลว่า เชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตานั้น ขอชี้แจงว่าเป็นการตรวจพบในครั้งแรกจำนวน 2 ราย และแพร่ระบาดในวงญาติใกล้ชิดเพิ่มอีก 9 ราย รวมเป็น 11 ราย ซึ่งเป็นการติดเชื้อจากการนำเข้า แล้วแพร่กระจายในวงเครือญาติ โดยทางสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด








Advertisement

สำหรับรายละเอียดของผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4 ราย คือ CM 4249 ชายอายุ 45 ปี สัญชาติฟิลิปปินส์ เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของ CM 4220 ที่เป็นบาทหลวงศาสนาคริสต์ที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร แล้วกักตัวที่บ้านโดยมีเพื่อน 3 คน อาศัยอยู่ร่วมกัน ซึ่งเพื่อนได้ตรวจพบเชื้อไปก่อนหน้าแล้ว ส่วนรายนี้ได้กักตัวอยู่ที่บ้าน กระทั่งวันที่ 29 มิ.ย. เริ่มมีอาการไอ จึงเข้ารับการตรวจครั้งที่ 2 และพบเชื้อ ไม่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเพิ่ม

CM 4250 และ CM 4252 เป็นพ่อลูกชาวเชียงใหม่ที่เดินทางไปค้าขายในกรุงเทพมหานคร โดยพ่ออายุ 75 ปี และลูกชายอายุ 41 ปี ซึ่งลูกชายขายกาแฟอยู่แขวงศรีจันทร์ โดยวันที่ 14 มิ.ย. เริ่มมีอาการไข้ ปวดหัว และวันที่ 18 มิ.ย. เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวกลับมา จ.เชียงใหม่ และเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลแม่แตง ซึ่งพ่อมีอาการทางปอดได้ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสันทรายก่อนที่จะทราบผลว่าติดเชื้อโควิด-19 จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 1 ราย คือ มารดา อยู่ระหว่างรอผลตรวจ และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำในชุมชน 1 ราย ให้เฝ้าสังเกตอาการ

ส่วน CM 4251 มีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และเดินทางมาท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ด้วยสายการบินเวียตเจ็ท เที่ยวบินที่ VZ114 ที่นั่ง 27F และได้ใช้บริการรถแท็กซี่สนามบิน แวะปั๊ม ปตท.แม่ริม ก่อนที่จะเข้าพักที่ธารกล่อมโฮมสเตย์ และมีเพื่อนมาหา จากนั้นเช้าวันที่ 29 มิ.ย. อสม.เห็นข้อมูลใน CM CHANA เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจคัดกรอง และพบเชื้อในวันนี้ (30 มิ.ย. 64) โดยไม่มีอาการ

นายทรงยศ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้เดินทางเข้ามาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด มียอดสแกน CM CHANA สะสม 21,045 ราย ติดตามตัวได้ 18,055 ราย คิดเป็นร้อยละ 85.79 มีผู้ที่ไม่สแกน CM CHANA ที่ทีมโควิดหมู่บ้านติดตามได้เพิ่มขึ้น 72 ราย และยังมีผู้ที่ทีมโควิดหมู่บ้านยังหาตัวไม่พบอีกจำนวนมาก จึงขอให้เจ้าบ้าน ผู้ให้ที่พักอาศัย โรงแรม คอนโดฯ หอพักต่างๆ แจ้งต่อผู้ที่เข้าพักให้ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อ พร้อมแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าพนักงานในพื้นที่ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดขึ้นอีกครั้ง หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ประชากรกลุ่มเป้าหมายฉีดวัคซีนของจังหวัดเชียงใหม่อยู่ที่ 1,200,000 คน ขณะนี้มีผู้ประสงค์ฉีดแล้ว 841,825 คน คิดเป็นร้อยละ 70 คงค้างอีกร้อยละ 30 จะถึงเป้าหมายในการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ที่ป้องกันโรคโควิด-19 ได้ โดยมีผู้ที่ได้รับการฉีดไปแล้ว 130,438 คน จึงขอเชิญชวนทุกท่านที่ยังไม่ได้จองคิวฉีด ให้จองคิวผ่านเว็บ “ก๋ำแปงเวียง” ที่เดียว ส่วนหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ สามารถส่งรายชื่อเป็นองค์กรจองเข้ามาได้

นายทรงยศ กล่าวอีกว่า กรณีข่าวพบวัคซีนซิโนแวคมีลักษณะเป็นเจล จากการตรวจสอบของทีมบริหารจัดการวัคซีนจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าวัคซีนล็อตดังกล่าวไม่ได้เข้ามาใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งสาเหตุเกิดจากการวางวัคซีนไว้ชิดติดกับ Icepack หรือเจลทำความเย็นมากเกินไป จนทำให้วัคซีนเกิดเป็นเจลขึ้น แต่ไม่มีอันตรายใดๆ และทางกระทรวงสาธารณสุขก็ให้เก็บตัววัคซีนล็อตดังกล่าวคืนทั้งหมดแล้ว เพื่อความปลอดภัย พร้อมกำชับบุคลากรที่ทำหน้าที่ฉีดวัคซีนไม่ให้วางขวดวัคซีนชิดติดกับน้ำแข็งเกินไป ทั้งนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยของวัคซีน

ด้านนายกนก กล่าวว่า ด้วยกระทรวงมหาดไทย และกรมควบคุมโรค ได้ประสานเน้นย้ำมายังคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ให้กำชับเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ ออกคำสั่งเป็นหนังสือแก่ผู้ประกันตนที่ถูก “แยกกัก” หรือ “กักกัน” จากกรณีโรคโควิด-19 เพื่อเป็นเอกสารประกอบการขอรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน เนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย อันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ. 2563 อาทิ ถูกสั่งให้กักตัว สถานประกอบการ/ร้านค้า ถูกสั่งให้ปิดชั่วคราว หรือสถานประกอบการปิดตัวลงในห้วงสถานการณ์โควิด-19

คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ จึงมีหนังสือสั่งการไปยังทุกอำเภอแล้ว เพื่อกำชับให้เจ้าพนักงานโรคติดต่อดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว ทั้งนี้ ลูกจ้างจะได้รับสิทธิในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน ตลอดระยะเวลาที่มีการกักตัวหรือเฝ้าระวังการระบาด หรือกรณีที่มีคำสั่งปิดสถานที่/สถานประกอบการ แล้วแต่กรณี แต่ไม่เกิน 90 วัน

นายกนก กล่าวต่อว่า จากมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 โดยเฉพาะในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทำให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานหรือคนต่างจังหวัดที่เข้าไปทำงานในพื้นที่ดังกล่าว กลับมายังภูมิลำเนามากขึ้น ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดเชียงใหม่ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มีมติออกคำสั่งที่ 69/2564 เรื่องห้ามบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านและบริเวณต่อเนื่อง เพื่อให้การควบคุมและป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยมีสาระสำคัญคือ ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากกรมสรรพสามิต สามารถบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านและบริเวณต่อเนื่อง ได้ถึงเวลา 21.00 น. และให้ปิดร้านในเวลา 22.30 น. ส่วนการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ให้จำหน่ายได้ระหว่างเวลา 11.00-14.00 น. และเวลา 17.00-21.00 น. ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.๕. 2564 ถึงวันที่ 31 ก.ค. 2564

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน