ศบค. เผย 1 เดือนครึ่ง ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มีนักท่องเที่ยว 20,727 คน มาจากสหรัฐอเมริกาสูงสุด ภาพรวมเจอติดเชื้อ 57 คน สร้างรายได้ 829 ล้านบาท

วันที่ 16 ส.ค.2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 กล่าวว่า เมื่อวานประชุม ศปก.ศบค.ในเรื่องภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ทำไปแล้วเดือนครึ่งจะมีการเสนอข้อมูลและนำไปสู่การพัฒนา เราต้องอยู่กับไวรัสตัวนี้ไปอีกยาว จะมีสายพันธุ์ใหม่ ๆ เข้ามาอีก โดยภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จะเดินต่อหรือหยุดนั้น ในช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ 1-31 ก.ค. พบว่ามีนักท่องเที่ยวสะสม 14,055 คน มีการติดเชื้อ 441 คน เป็นคนในประเทศ 409 คน จากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 32 คน จาก 141 เที่ยวบิน และเมื่อตรวจครั้งที่ 2 จำนวน 10,519 คน พบ 7 คน และตรวจครั้งที่ 3 จำนวน 6,804 ราย พบ 3 ราย มีจำนวนคืนการจองทั้งหมด 309,719 คืนผู้เข้าพัก ส่วนใหญ่อยู่ใน ก.ค. 60% ส.ค. 35% และ ก.ย. 5%

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมามาจากสหรัฐอเมริกา 1,802 คน อังกฤษ 1,558 คน อิสราเอล 1,455 คน เยอรมนี 847 คน และฝรั่งเศส 839 คน สร้างรายได้จากค่าที่พัก 282 ล้านบาท ซื้อสินค้าบริการท่องเที่ยว 194 ล้านบาท ค่าอาหาร 175 ล้านบาท ค่าบริการทางการแพทย์ 124 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก 54 ล้านบาท รวม 829 ล้านบาท ค่าเฉลี่ยต่อทริปคือ 58,982 บาท เป็นข่าวดีในการทดลอง ซึ่ง 829 ล้านบาท ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนที่ก่อให้เกิดรายได้ต่อระบบเศรษฐกิจ 1,925 ล้านบาท เป็นผลกระทบด้านเศรษฐกิจโดยรวม 816 ล้านบาท ผลตอบแทนการจ้างงาน 210 ล้านบาท จ้างงานคนได้ 2,719 คน กลับมาเป็นภาษีให้รัฐได้ 87 ล้านบาท

สำหรับสถิติตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-14 ส.ค. จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 20,727 คน ดำเนินการตรวจครั้งที่ 1 พบบวก 27 คน คิดเป็น 0.13% ตรวจครั้งที่ 2 พบ 18 คน คิดเป็น 0.08% กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 10 คน คิดเป็น 0.05% และตรวจครั้งที่ 3 พบ 2 คน คิดเป็น 0.01% ผู้ติดเชื้อโดยรวมในโครงการ 57 คน คิดเป็น 0.27% จำนวน 1 เดือนครึ่งผลออกมาการติดเชื้อค่อนข้างต่ำ เป็นข้อมูลนำเข้าที่จะหารือบ่ายนี้ด้วย โดบ 10 อันดับที่เข้ามา ได้แก่

  • 1.สหรัฐอเมริกา 2,759 คน
  • 2.อังกฤษ 2,712 คน
  • 3.อิสราเอล 2,250 คน
  • 4.เยอรมนี 1,617 คน
  • 5.ฝรั่งเศส 1,607 คน
  • 6.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1,607 คน
  • 7.สวิตเซอร์แลนด์ 467 คน
  • 8.เนเธอร์แลนด์ 446 คน
  • 9.ออสเตรเลีย 361 คน
  • 10.คูเวต 327 คน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า จุดหมายปลายทางยอดนิยมหลังเข้าพัก 14 วันในภูเก็ต อันดับ 1 คือ กทม. ขนาดข่าวว่าติดเชื้อเยอะก็ยังมากัน เป็นความมั่นใจหรือไม่ในการอยู่ในประเทศไทย และนักท่องเที่ยวเหล่านี้ก็รับวัคซีน ตามด้วย สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ และชลบุรี เฉลี่ยวันพัก 11.14 วัน จองที่พักล่วงหน้า 16 วัน ความพึงพอใจส่วนใหญ่อยู่ที่คุณภาพรถรับส่งที่ท่าอากาศยานภูเก้ต การให้บริการที่ท่าอากาศยานภูเก็ต การจองรถรับส่งท่าอากาศยานภูเก็ต การจองที่พัก และการตรวจคัดกรองเมื่อมาถึง ต้องขอบคุณชาวภูเก็ตที่ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า วันนี้จะมีการประชุมทางไกล โดย ผอ.ศบค.เป็นประธาน เรื่องเพื่อพิจารณา 4 เรื่องหลัก คือ 1.แผนการให้บริการวัคซีนโควิด 19 2.การรับความช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขจากต่างประเทศ เช่น การแลกวัคซีนระหว่างรัฐบาลภูฏานกับไทย การรับบริจาคยารักษาโควิดแบบแอนติบอดีจากสาธารณสุขเยอรมนี 3.การประเมินผลการปรับมาตรการควบคุมโรคโควิด 19 และ 4.การเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยว จ.ภูเก็ตเชื่อมต่อกับจังหวัดนำร่องอื่นๆ คือ 7+7 ผลจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน