“หมอธีระวัฒน์” ย้ำฉีดวัคซีนโควิดชั้นผิวหนังเป็นทางออก กำลังศึกษาวิจัย ปลอดภัย ผลข้างเคียงน้อย ฉีดได้มาก ส่วนกรณี “อนุทิน” บอกยังไม่จำเป็น เพราะมีวัคซีนเพียงพอเป็นเรื่องดี แต่ยังต้องมีฉีดเข็มกระตุ้นอีก

วันที่ 15 ก.ย.2564 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ รพ.จุฬาลงกรณ์ กล่าวถึงการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข้าชั้นผิวหนัง ว่า การฉีดวัคซีนใต้ผิวหนังมีการดำเนินการมานานแล้วในวัคซีนชนิดอื่นๆ ล่าสุดวัคซีนโควิดในต่างประเทศมีการศึกษาและดำเนินการเช่นกัน ขณะที่ประเทศไทย นักวิชาการ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งหน่วยงานภายใต้กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หรือโรงเรียนแพทย์ ทั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศิริราช มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีการศึกษาการฉีดวัคซีนโควิดเข้าชั้นผิวหนัง และผ่านคณะกรรมการวิจัยทั้งหมด ล่าสุดสถานเสาวภา สภากาชาดไทยเตรียมจะทดลองการฉีดใต้ชั้นผิวหนังในเดือน ต.ค.นี้เช่นกัน

ฉีดโควิด

“นักวิชาการ แพทย์ต่างๆ เห็นความสำคัญได้มีการศึกษาวิจัย อย่างจุฬาฯ ทำการศึกษาและฉีดในอาสาสมัครที่สมัครใจฉีดเข้าชั้นผิวหนังไปแล้วกว่า 200-300 คน ซึ่งไม่พบอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงใดๆ หากมีเจ็บบริเวณฉีด หรือมีรอยจ้ำ ถือเป็นผลข้างเคียงที่ไม่มาก แต่เมื่อเทียบกับความปลอดภัย และสามารถฉีดได้ในปริมาณมากกว่าเดิม ย่อมมีประโยชน์กว่าไม่ใช่หรือ” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการสธ. เผยว่าขณะนี้มีวัคซีนเพียงพอ ยังไม่จำเป็นต้องฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่มีวัคซีนเพียงพอ แต่วัคซีนที่มีเพียงพอมากน้อยแค่ไหน เพราะอย่าลืมว่ายังต้องมีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอีก 3-4 เดือนถัดมา ดังนั้นทำไมเราไม่สร้างความปลอดภัยด้วยวิธีนี้ อีกทั้งการฉีดเข้าชั้นผิวหนังก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับในเด็กที่ผู้ปกครองกังวลเรื่องไฟเซอร์ ที่อาจมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จึงเสนอทางออกว่า เราสามารถฉีดด้วยวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม และตามด้วยไฟเซอร์เข็ม 3 ซึ่งฉีดแบบใต้ผิวหนังทั้งหมด

อย่างเดิมการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายระหว่างเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ห่างกัน 1 เดือน แต่หากเราฉีดใต้ผิวหนังจะห่างกันแค่ 7 วัน ซึ่งจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เร็วภายใน 14 -30 วัน หลังจากเข็มที่ 2 หลังจากนั้นอีก 1 เดือนถัดมาก็สามารถตามด้วยไฟเซอร์เข้าชั้นผิวหนังได้เช่นกัน

หมอธีระวัฒน์

เมื่อถามถึง สาเหตุของการฉีดใต้ผิวหนังผลข้างเคียงน้อยกว่า ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า การฉีดใต้ผิวหนังปริมาณวัคซีนน้อยกว่า แต่กระตุ้นภูมิฯได้สูงและกลไกในการกระตุ้นภูมิเป็นคนละกลไกกับการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ดังนั้นจึงเลี่ยงผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การฉีดเข้าชั้นผิวหนังในเด็กมีผลการศึกษาในต่างประเทศหรือไม่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า ในต่างประเทศไม่มีการฉีดวัคซีนเชื้อตายเข้าชั้นผิวหนัง เนื่องจากเขามีจำนวนวัคซีนเหลือเฟือ เขาจึงไม่จำเป็นต้องฉีดด้วยวิธีนี้ แต่ไทยยังมีข้อจำกัด ว่าเรามีวัคซีนเพียงพอจริงหรือไม่ เพราะเรายังต้องฉีดกระตุ้นกันอีก และยังมีเรื่องความปลอดภัยในเด็ก อย่างไฟเซอร์ กำหนดให้อายุ 12 ปีขึ้นไป เพราะยังมีเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ แม้ผลข้างเคียงดังกล่าวจะพบไม่มากและเด็กไม่เสียชีวิต แต่ระยะยาวก็ยังไม่รู้ว่ามีผลอย่างไร

“ในต่างประเทศมีข้อมูลว่า ควรฉีดวัคซีนให้เด็กตั้งแต่อายุ 2 ขวบขึ้นไป ไม่ใช่เพราะเด็กแพร่เชื้อได้เร็ว แต่จะมีผลกระทบระยะกลางและระยะยาว หลังติดเชื้อแล้วอาจทำให้พัฒนาการช้า ตรงนี้ต่างประเทศมีการติดตามอยู่ หากวัคซีนมีเพียงพอในการฉีดกระตุ้นต่อจากนี้ และมองว่าวิธีนี้ไม่จำเป็น ก็สุดแล้วแต่ทางผู้กำหนดนโยบาย แต่ทางการแพทย์ยังคงมีการศึกษาเรื่องนี้ต่อเนื่องต่อไป” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน