‘ไฟเซอร์’ มาอีกสัปดาห์ละ 1.5 ล้านโดส กระจายฉีด 4 ล้านนร. เร่งประเมินผลข้างเคียง อธิบดีกรมควบคุมโรคย้ำด.ช.ฉีดเข็มเดียวก่อน รับต้องชั่งใจประสิทธิภาพและความปลอดภัย

เมื่อวันที่ 4 ต.ค.64 ที่ร.ร.พิบูลสงคราม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังงานคิกออฟฉีดวัคซีนโควิด 19 ในเด็กอายุ 12-17 ปีว่า การฉีดวัคซีนในเด็กมีความสำคัญมาก เนื่องจากการปิดเทอมเรียนออนไลน์เป็นเวลานานส่งผลต่อการศึกษาและพัฒนาการ ดังนั้นการฉีดวัคซีนโควิด 19 วันนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่จะฉีดให้กับทุกคนในประเทศไทยที่มีความสมัครใจ ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี สาเหตุที่ทำการฉีดวัคซีนในเด็กค่อนข้างช้ากว่ากลุ่มอื่น เนื่องจากต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย โดยวัคซีนที่ฉีดในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปที่อย.ขึ้นทะเบียนและนำมาใช้ได้ขณะนี้มีตัวเดียวในไทย คือ วัคซีน mRNA ของไฟเซอร์ ส่วนของโมเดอร์นายังไม่เข้ามาและไม่ใช่วัคซีนหลักที่รัฐบาลจัดหา

นพ.โอภาส กล่าวว่า วัคซีนไฟเซอร์มาถึงไทยวันที่ 29 ก.ย. หลังจากตรวจสอบคุณภาพแล้ววันที่ 30 ก.ย. ก็กระจายไปที่แต่ละอำเภอ โดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รวบรวมข้อมูลเด็กนักเรียนที่เข้าเกณฑ์การรับวัคซีนประมาณ 5 ล้านคน สำรวจความประสงค์ของผู้ปกครองพบกว่า 80% อนุญาตให้เด็กฉีดวัคซีน ราว 4 ล้านคน จังหวัดกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจึงร่วมกันวางจุดฉีดวัคซีน ระบบติดตามหลังการฉีด โดยส่วนกลางจะส่งวัคซีนไป ซึ่งหากเก็บไว้ในตู้เย็นอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส จะมีอายุประมาณ 30 วัน โดยล็อตแรกที่ส่งไป 2 ล้านโดส ส่วนใหญ่ถึงที่โรงเรียนแล้ว แต่ไม่ทุกโรงเรียน เพราะนักเรียนมีประมาณ 4 ล้านคน โดยวันที่ 6 ต.ค. จะเข้ามาเพิ่มอีก 1.5 ล้านโดส สัปดาห์ถัดไปมาอีก 1.5 ล้านโดส ก็จะเร่งกระจายออกไป ฉะนั้นอีก 2 สัปดาห์จะมีวัคซีนกระจายไปครบตามจำนวนนักเรียนที่ฉีด

ส่วนการติดตามผลข้างเคียงที่คนเป็นห่วงกันมาก คือ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ส่วนใหญ่จะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยหอบ ซึ่งอุบัติการณ์ทั่วโลกอยู่ที่ 6 รายต่อการฉีด 1 แสนโดส พบมากในเด็กชาย ส่วนใหญ่จะหายเองได้ ส่วนน้อยต้องเข้ารักษาใน รพ. แต่หากดูเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าการฉีดวัคซีนมีประโยชน์มากกว่า จึงเป็นแนวนโยบายว่าต้องเร่งฉีดวัคซีนเด็กนักเรียน ควบคู่ติดตามอาการไม่พึงประสงค์ผ่านหมอพร้อม หากพบว่ามีอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ที่ รพ. เพื่อติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด สำหรับเด็กผู้หญิงข้อมูลส่วนใหญ่เชื่อว่าปลอดภัย คำแนะนำตอนนี้บอกว่าให้ฉีดวัคซีน 2 เข็ม ส่วนเด็กชายให้ฉีดก่อน 1 เข็ม และประเมินอีก 2 สัปดาห์ว่าจะฉีดเข็ม 2 ต่อหรือไม่ นอกจากนั้นจะรวบรวมจากข้อมูลทั่วโลกมาประเมินด้วย

เมื่อถามว่าฉีดวัคซีน 1 เข็ม ประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อเพียงพอหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า การฉีด 2 เข็มประสิทธิภาพดีกว่า ผลข้างเคียงก็เกิดขึ้นได้มากกว่า เป็นการชั่งระหว่างผลดีและผลเสีย แต่ยืนยันว่าผลดีมากกว่า ส่วนผลเสียและผลข้างเคียงเป็นสิ่งที่เราต้องระมัดระวัง

ถามถึงกรณีเด็กรับวัคซีนโควิดแล้ว แต่ผู้ปกครองจองโมเดอร์นาไว้ด้วย ที่อาจจะเข้ามาใน พ.ย.นี้ นพ.โอภาส กล่าวว่า การให้วัคซีนเป็นไปตามความสมัครใจ ดังนั้น ผู้ปกครองต้องดูข้อมูลต่างๆ ให้รอบด้าน คำแนะนำตอนนี้เป็นการฉีดวัคซีนตามกำหนด ส่วนจะฉีดเข็ม 3 เพื่อกระตุ้น ก็ต้องรอข้อมูลวิชาการ ใช้หลักการแพทย์พิจารณาเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม วัคซีนโควิดยังเป็นเรื่องใหม่ บางข้อมูลที่มียังไม่ชัดเจน ต้องอาศัยหลักวิชาการประกอบกับข้อมูล ส่วนจะต้องเว้นไป 3 เดือนหรือไม่ จะต้องให้คณะผู้เชี่ยวชาญออกคำแนะนำ แต่ตามหลักการ ฉีด mRNA การฉีดเข็ม 3 จะเว้นไป 3-6 เดือน แต่โดยหลักการฉีดวัคซีนยิ่งฉีดห่างกันการกระตุ้นจะดีกว่า แต่โอกาสที่จะติดเชื้อก็มี ซึ่งต้องชั่งใจระหว่าง 2 อันนี้

“รัฐบาลจัดวัคซีนไว้ให้เพียงพอ ถึงปลายปีนี้อีกประมาณ 120 ล้านโดส รวมวัคซีนซิโนฟาร์มของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ อีกเกือบ 50 ล้านโดส ตอนนี้มีประมาณ 170 ล้านโดส หากฉีดคนละ 2 เข็ม ก็เชื่อว่าคนไทยทุกคนได้ฉีดครบถ้วนรวมถึงชาวต่างชาติด้วย หากฉีดไปตามแผนจะมีวัคซีนเพียงพอให้กับทุกคน ส่วนจะเลือกวัคซีนอะไรขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ ชั่งใจอยู่ 2 อย่าง คือ ถ้าฉีดช้าก็มีโอกาสติดเชื้อก่อน อย่างที่สองรัฐบาลมีวัคซีนทุกชนิด ทั้งเชื้อตาย mRNA ไวรัลเวกเตอร์ เชื่อว่าประเทศไทยน่าจะมีวัคซีนฉีดมากที่สุดในโลก ทุกยี่ห้อ ก็สามารถเข้ารับวัคซีนได้” นพ.โอภาส กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน