สธ.จ่อหารือฉีดวัคซีนโควิดกลุ่มเด็ก 6 เดือนขึ้นไป หากผ่านอนุมัติ อย. พ้นระบาดใหญ่ 1 ก.ค. โรคประจำถิ่นรอ WHO ประกาศ BA.4 BA.5 ไม่ชัดเจนแพร่เร็ว-รุนแรง

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.65 ที่โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการขับเคลื่อนโรคโควิด 19 สู่โรคประจำถิ่น หลังวันที่ 1 ก.ค. 2565 ว่า เรื่องของโรคประจำถิ่นคงต้องรอให้องค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นผู้ประกาศ

ส่วนประเทศไทยจะใช้ว่าเข้าสู่ระยะหลังการระบาดใหญ่ (Post-Pandemic) หัวใจสำคัญคือ การระบาดใหญ่ในประเทศไทยคงไม่มีแล้ว และโรคลดความรุนแรงลง ระบบสาธารณสุขรองรับได้ และไม่ใช่ว่าหลังวันที่ 1 ก.ค.นี้ จะไม่มีโรคแล้ว ก็จะมีเป็นคลื่นเล็กบ้างใหญ่บ้าง อาจเป็นคลัสเตอร์เล็ก ปานกลาง หรือใหญ่

แต่ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การควบคุม ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม และมีระบบเฝ้าระวังและเตรียมการการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยหนักและใส่ท่อช่วยหายใจ การฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง 608 ก็ต้องดำเนินการตลอด ซึ่งก็ดีขึ้นขณะนี้ฉีดสะสมเกือบ 140 ล้านโดสแล้ว ประชาชน 60 ล้านคนได้ฉีดเข็มแรกแล้ว

“บางทีเราก็หาคนฉีดไม่ค่อยได้ ก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไร ซึ่งวันนี้เรามีโอกาสคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ บอกว่ามีคนไทย 16 ล้านคนอยู่นอกประเทศ บางทีอาจจะได้ฉีดอยู่ข้างนอกประเทศแล้ว อาจจะไม่ได้รายงาน เราก็พยายามทำตัวเลขให้ใกล้เคียงที่สุด

นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคยังรายงานว่า สหรัฐอเมริกาอนุญาตให้ฉีดวัคซีนโควิด 19 ในเด็กเล็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปถึง 5 ปี ซึ่งจะหารือเวลาและรูปแบบการฉีดที่เหมาะสม ซึ่งอาจเป็นสถานพยาบาล เพราะเด็กเล็กต้องตรวจติดตามอยู่แล้ว โดยเตรียมวัคซีนไว้แล้ว หากได้รับการอนุมัติจาก อย.ก็จะฉีดในเด็กกลุ่มนี้เพิ่มเติมต่อไป” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าวันที่ 1 ก.ค.จะประกาศเป็น Post-Pandemic ใช่หรือไม่ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ก็คงเป็นไปตามแผน แต่อย่างที่บอกว่าไม่ใช่จะไม่มีโรค แต่จะติดเป็นคลัสเตอร์บ้าง แต่ไม่มีคลัสเตอร์ใหญ่ๆ คนติดเป็นล้าน เกิดคลัสเตอร์แล้วลดลงไปเช่นนี้เป็นคลื่นเล็กๆ และโรคไม่รุนแรงอยู่ในการควบคุม คือ ความหมาย Post-Pandemic ของเรา ส่วนเรื่องสิทธิการรักษารัฐบาลก็ดูแล สิทธิกองทุนต่างๆ ก็ครอบคลุมอยู่แล้ว โดยจะหารือกันในเรื่องนี้ต่อไป

เมื่อถามถึงคนเริ่มกังวลถึงสายพันธุ์โอมิครอน BA.4 และ BA.5 แต่ขณะนี้มีการอนุญาตให้ถอดหน้ากากตามความสมัครใจ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ไม่ได้เพิ่งเจอตอนนี้ สธ.โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์วางระบบเฝ้าระวังสายพันธุ์ โดยพบตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาแล้ว ก็ผ่านมา 3 เดือนแล้ว เคสก็เพิ่มขึ้นบ้าง ปัญหาที่เรากังวลว่า โรคแพร่เร็วจนเราควบคุมไม่ได้ใช่หรือไม่ และทำให้เกิดอาการหนักขึ้นจนมีคนป่วยหนักเข้า รพ.มากหรือไม่








Advertisement

ซึ่งเราเฝ้าระวังอยู่ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีลักษณะนั้น อย่างต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ พบ BA.4/BA.5 แพร่เร็วกว่าโอมิครอนดั้งเดิม 1.3-1.4 เท่า แต่ประเทศอื่นในยุโรปก็บอกว่าแพร่ได้น้อยกว่า ดังนั้น เรื่องแพร่เร็วก็ยังไม่มีความชัดเจน แสดงว่าไม่ได้เกี่ยวกับตัวเชื้ออย่างเดียว แต่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมด้วยที่ทำให้เกิดการแพร่เร็ว

เราก็เฝ้าระวังว่าจะเกิดเช่นนั้นในประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจส่งสายพันธุ์เราก็พบสัดส่วนประมาณ 40% โดยเจอในคนต่างชาติมากกว่าคนไทย นอกจากนี้ ยังพบว่า BA.4/BA.5 ทำให้ภูมิต้านทานเชื้อลดลงบ้าง จึงแนะนำให้มาฉีดวัคซีนเพิ่มเติม

“บางคนคิดว่าฉีด 3 เข็มจะเพียงพอ แต่จริงๆ ถ้าถึงระยะเวลาที่แนะนำ คือ 4 เดือนควรมาฉีดซ้ำ เพราะวัคซีนเมื่อเราไปดูคนที่ป่วย BA.4/BA.5 ถ้าวัคซีนบูสเตอร์อาการเจ็บป่วยน้อยลงกว่าคนที่ไม่ได้ฉีด ก็ชัดเจนว่าวัคซีนยังได้ผลป้องกันหนักและเสียชีวิต” ปลัดสธ. กล่าว

ด้าน นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ต้องรอทางไฟเซอร์และโมเดอร์นามาขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม เพื่อฉีดในกลุ่มอายุ 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่มายื่นขอขยายอายุการฉีดเพิ่มเติม แต่หากยื่นเรื่องเข้ามาแล้วก็สามารถพิจารณาได้ทันที โดยขนาดที่ใช้ในกลุ่มอายุ 6 เดือนขึ้นไป จะมีขนาดน้อยกว่าวัคซีนที่ใช้ในเด็กอายุ 5-11 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน