สปสช. แจง ผู้ป่วยโควิด ขอรับบริการผ่านสายด่วน 1330 ยังไม่ได้ ยาฟาวิพิราเวียร์ เหตุ กทม.-ปริมณฑลมีผู้ป่วยจำนวนมาก จัดส่งเฉลี่ยวันละเกือบ 400 ราย

วันที่ 29 ก.ค.2565 ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีผู้ป่วยโควิด 19 ที่รับบริการผ่านสายด่วน 1330 ยังไม่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ ว่า จำนวนผู้ป่วยที่ต้องรับยาฟาวิพิราเวียร์มีเป็นจำนวนมากและกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งใน กทม.และปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 23-28 ก.ค.2565 มีการจัดส่งให้ยาให้ผู้ป่วยโควิดแล้วจำนวน 2,233 ราย หรือเฉลี่ย 372 รายต่อวัน รวมเป็นยาฟาวิพิราเวียร์ 116,192 เม็ด

พท.อรรถพร กล่าวต่อว่า แม้ สปสช. และไปรษณีย์ไทย จะเร่งส่งยาให้กับผู้ป่วยอย่างเต็มที่แล้ว แต่ยังไม่สามารถจัดส่งยาให้ผู้ป่วยได้ทัน ทำให้ยังมีผู้ป่วยส่วนหนึ่งได้รับยาล่าช้า ขอเรียนว่า สปสช. จะรีบจัดส่งยาเพิ่มเติมให้กับผู้ป่วยที่รอรับยาตามลำดับรายชื่อที่ได้ลงทะเบียนให้กับผู้ป่วยเร็วที่สุด

“สายด่วน 1330 ร่วมให้บริการผู้ป่วยโควิด เป็นระบบบริการเฉพาะกิจที่เข้ามาช่วยเสริมกำลังหน่วยบริการ เพื่อให้ผู้ป่วยโควิดที่ยังไม่ได้เข้าสู่การรักษา โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ได้รับยารักษาอย่างทันท่วงที ความพร้อมจึงอาจไม่ 100% แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนได้ร่วมมือ ต่างเร่งส่งยาให้ผู้ป่วยอย่างเต็มกำลัง แต่ผู้ป่วยที่มีจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถจัดส่งรวดเร็วได้ทันทุกราย แต่จะพยายามเร่งให้ยาถึงมือผู้ป่วยเร็วที่สุด” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว

ทพ.อรรถพร กล่าวอีกว่า กรณีผู้ป่วยกลุ่ม 608 ที่ลงทะเบียนในระบบ 1330 และรอรับยา รวมถึงผู้ป่วยโควิดที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 608 หากมีอาการที่แย่ลง ขอให้รีบเข้ารับบริการที่โรงพยาบาล หรือหน่วยบริการโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม นอกจากบริการผ่านระบบสายด่วน สปสช. 1330 แล้ว ผู้ป่วยโควิดยังสามารถรับบริการในช่องทางหลัก 3 ช่องทาง ดังนี้

บริการที่คลินิก/โรงพยาบาล ตามสิทธิสุขภาพของตัวเอง รับบริการแบบ Telemedicine จะทำการคัดกรองเบื้องต้น หากไม่มีอาการ จะจ่ายยาแล้วติดตามอาการภายใน 24 ชั่วโมง แต่ถ้ามีอาการจะประสานส่งต่อคลินิก/โรงพยาบาลเพื่อดูแลตามแต่ละการจัดการของโรงพยาบาล และบริการที่ร้านยา ดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียว สิทธิบัตรทองและสิทธิประกันสังคม โดยรับยารักษาตามอาการ-คำแนะนำการใช้ยาครอบคลุมทั่วประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน