กรมแพทย์แผนไทย ยัน ยาฟ้าทะลายโจร ยังยับยั้ง “โควิด” ได้ผล ช่วยลดอาการป่วย ทำให้ทุเลาลง แต่ต้องรีบใช้ทันทีเมื่อป่วย เหตุออกฤทธิ์ช้ากว่ายาแผนปัจจุบัน เตรียมใช้ยาสมุนไพรนำร่อง “แพร่”
20 เม.ย. 66 – นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ผลการวิจัยยืนยันว่า สารสกัดฟ้าทะลายโจรขนาดสูง ยังใช้ได้ผลต่อผู้ป่วยโควิด 19
โดยพบว่า ในผู้ป่วยโควิด 19 อาการน้อย ทำให้อาการไอ เจ็บคอ และปวดศีรษะลดลง ปริมาณเสมหะ ความถี่ของการไอลดลง และพบแนวโน้มของการลดปริมาณเชื้อไวรัส และต้านการอักเสบได้ดี ลดโอกาสการเกิดปอดอักเสบได้ แต่ออกฤทธิ์ช้ากว่ายาแผนปัจจุบัน
จึงแนะนำให้เริ่มใช้ทันทีในผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการ หรือมีอาการน้อย หากกินไปแล้ว 2-3 วันอาการไม่ดีขึ้นให้รีบพบแพทย์ปัจจุบัน ผู้ป่วยโควิด 19 มีความจำเป็นจะต้องได้รับสารแอนโดรกราโฟไลด์ที่เพียงพอ คือ ขนาด 180 มก.ต่อวัน โดยแบ่งกินวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 60 มก. ก่อนอาหาร ต่อเนื่อง 5 วัน จึงจะช่วยลดโอกาสการเกิดปอดบวมและความรุนแรงอื่นๆ ได้
“ยาฟ้าทะลายโจร อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ มีความปลอดภัย ใช้ในการรักษาอาการไข้หวัด เจ็บคอ และท้องเสียชนิดไม่ติดเชื้อได้ แต่ไม่ควรใช้ในผู้ที่มีอาการแพ้ฟ้าทะลายโจร หญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร ระวังการใช้ร่วมกับ ยาวาร์ฟาริน แอสไพริน โคลพิโดเกรล และ ยาลดความดันโลหิต
ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคตับ ไต การใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการชาปลายมือ ปลายเท้า หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้
ดังนั้น ต้องใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ หรือใช้ตามฉลากกำกับยาอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและความปลอดภัย ระมัดระวังการใช้ยาสมุนไพรมากเกินไป หรือกินร่วมกับอาหารเสริมหรือ ยาอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ตับทำงานหนักเกินไป” นพ.ธงชัยกล่าว
ด้าน นพ.เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า กรมฯ ได้นำแพทย์แผนไทยส่วนกลางร่วมกับส่วนภูมิภาค ลงพื้นที่เพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด 19 และลองโควิดทั่วประเทศ โดยส่วนกลาง พบผู้ป่วยเข้ารักษาด้วยยาสมุนไพรกว่า 4,000 ราย เป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง 2,428 ราย ผู้ป่วยระยะติดเชื้อ 310 ราย และผู้ป่วยลองโควิด 1,332 ราย
ส่วนภูมิภาคดูแลกว่า 6,000 ราย เป็นกลุ่มเสี่ยง 2,541 ราย ผู้ป่วยระยะติดเชื้อ 1,183 ราย และผู้ป่วยลองโควิด 2,383 ราย ปี 2566 ยังส่งแพทย์แผนไทยดำเนินการขับเคลื่อนรักษาผู้ป่วยโควิด 19 และลองโควิดทั่วประเทศ โดยเริ่มลงพื้นที่ จ.แพร่ และมีแผนลงพื้นที่ อุบลราชธานี อุทัยธานี ตราด นราธิวาส
